ตะลุย 7 สถานที่ที่น่าเที่ยวใน ฮังการี

เที่ยวประเทศ ฮังการี (Hungary) ดินแดนแห่งประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่มากมาย เรียกได้ว่าหันไปทางไหนก็จะเจอสถาปัตยกรรมสุดตระการตา ประเทศฮังการีมีเมืองหลวงชื่อกรุงบูดาเปสต์ (Budapest) เมืองหลวงประจำประเทศฮังการีที่มีชื่อเรียกเล่นๆ ว่า “ไข่มุกแห่งแม่น้ำดานูบ” เพราะเมืองนี้ถูกแม่น้ำขนาดใหญ่ชื่อว่า “แม่น้ำดานูบ” กั้นแบ่งเมืองออกเป็น 2 ฟากฝั่ง ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเรียกว่าฝั่งบูดา (Buda) ส่วนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเรียกว่าฝั่งเปสต์ (Pest) ทำให้เกิดการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำสุดอลังการขึ้นมา ขอบอกว่าสวยสุดๆ จนต้องอยากมาเที่ยวอีกแน่นอน ด้วยความงดงามของสายน้ำและเสน่ห์อันน่าหลงใหลของสถาปัตยกรรมตั้งแต่โบราณ ทำให้ประเทศฮังการีกลายเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด ส่วนสถานที่ไหนบ้างที่ผู้คนนิยมไปเที่ยวกัน ไปดูกันเลย

1.ปราสาทบูดา (Buda Castle)

ปราสาทบูดา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่สุดของกรุงบูดาเปสต์ (Budapest) มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 8 ศตวรรษ เป็นปราสาทที่นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องตะลึงถึงความใหญ่โตมโหฬาร ตั้งอยู่บนเนินเขา ปราสาทบูดา (Buda Castle) สร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 12 เพื่อป้องกันการถูกรุกรานจากเหล่าศัตรู แต่หลังจากนั้น ปราสาทแห่งนี้ยังโดนทำลายลงและผลัดเปลี่ยนผู้ยึดครองอยู่หลายครั้ง จึงทำให้มีการบูรณะสร้างขึ้นใหม่อยู่เรื่อย ๆ ตัวปราสาทบูดาแห่งนี้มีความยาวกว่า 300 เมตร ด้วยความน่าหลงใหลและประวัติศาสตร์อันยาวนาน ทำให้ปราสาทบูดาได้ รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์กรยูเนสโก (UNESCO World Heritage)

2.อาคารรัฐสภาฮังการี ( Hungarian Parliament Building )

อาคารรัฐสภาฮังการี เป็นสภาที่สวยที่สุดในโลกและใหญ่ที่สุดในยุโรป โดดเด่นอยู่ริมแม่น้ำดานูบบนฝั่งเปสต์ โครงสร้างตรงกลางเป็นโดมสูง 96 เมตร ใช้เวลาสร้างนานถึง 20 ปี กว่าจะเนรมิตสิ่งก่อสร้างสุดตระการตานี้เสร็จสิ้น จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมใคร ๆ ต่างก็บอกว่าอาคารรัฐสภาแห่งนี้มีความสวยงามที่สุดในโลก เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้คนนิยมมาเที่ยวและเก็บภาพสวยๆ กัน ในช่วงกลางวัน เราก็จะเห็นอาคารที่มีโดมสีแดงตัดกับท้องฟ้าสีคราม ส่วนในเวลากลางคืนก็ไม่แพ้กันเพราะแสงไฟจากตัวอาคารจะส่องสว่างออกมา เกิดเป็นเงาสะท้อนบนแม่น้ำดานูบ

3.สะพานเชน ( Chain Bridge)

สะพานเชน หรือสะพานโซ่ สะพานที่พาดระหว่างแม่น้ำดานูบ (Danube River ) เพื่อเชื่อมฝั่งบูดากับฝั่งเปสต์ไว้ด้วยกัน สะพานเชนแห่งนี้เป็นสะพานถาวรแห่งแรกที่ทอดตัวข้ามแม่น้ำดานูบ เป็นหนึ่งในสะพานที่สวยที่สุดในยุโรป ถือว่าเป็นสัญลักษณ์อีกแห่งหนึ่งของกรุงบูดาเปสต์ (Budapest)

4.ป้อมชาวประมง (Fisherman’s Bastion)

ป้อมชาวประมง นับว่าเป็นอีกหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและต้องไม่พลาด เมื่อมาเที่ยวกรุงบูดาเปสต์ ป้อมปราการนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1895 ได้สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงความกล้าหาญของเหล่าชาวประมงที่เสียสละชีวิตเพื่อปกป้องดูแลเมืองบูดาเปสต์ (Budapest) ซึ่งสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์อันสวยงามของแม่น้ำดานูบ สะพานเชนเซเชนยี และอาคารรัฐสภาฮังการี ได้ในแบบพาโนรามาเลย

5.จัตุรัสวีรชน (Heroes’ Square)

จัตุรัสวีรชน อีกหนึ่งสถานที่เที่ยวที่ไม่ควรพลาดในการเดินทางมาเยือนเมืองบูดาเปสต์ และเป็นสถานที่ที่มีผู้เยี่ยมชมมากที่สุดในบูดาเปสต์ ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางกิจกรรมในการเฉลิมฉลองครบรอบ 1,000 ปีของฮังการีในปี 1896 ที่นี่เป็นที่ตั้งของ Millennium Monument ซึ่งสูงตระหง่านเป็นจุดเด่นของจัตุรัส ออกเเบบโดยสถาปนิกชื่อดังอย่าง Albert Schickedanz โดยมีความสูงกว่า 36 เมตร ด้านบนเป็นรูปปั้นหัวหน้าทูตสวรรค์แกเบรียล (Gabriel) ถือมงกุฎ และไม้กางเขน ไม่มีค่าธรรมเนียมสำหรับการเข้าชมจัตุรัสวีรชน

6.มหาวิหารเซนต์สตีเฟน (St. Stephen’s Basilica)

มหาวิหารเซนต์สตีเฟน แห่งนี้ ได้สร้างขึ้นไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ เซนต์สตีเฟน กษัตริย์พระองค์แรกแห่งราชอาณาจักรฮังการี โดยมหาวิหารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1851 ซึ่งใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 54 ปี มีความสูงเป็นหนึ่งในสองของอาคารที่สูงที่สุดในเมืองบูดาเปสต์ คือมีความสูงอยู่ที่ 96 เมตร ความกว้าง 55 เมตร และความยาว 87.4 เมตร เสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ.1905

7.โรงอาบน้ำเซเชนยี (Széchenyi Thermal Bath)

ไปเที่ยวมาครบทุกที่แล้วที่สุดท้ายนี้เราขอเสนอ โรงอาบน้ำเซเชนยี เป็นโรงอาบน้ำที่มีสปาน้ำพุร้อนใหญ่ที่สุดในยุโรป น้ำร้อนธรรมชาติมีสรรพคุณทางยามากมายที่ช่วยบรรเทาโรคข้อเสื่อมอาการอักเสบต่าง ๆ และช่วยปรับระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกาย ชื่นชมอาคารและสระน้ำสไตล์นีโอ-บาโรกซึ่งมีต้นกำเนิดอยู่ในช่วงต้นของศตวรรษที่ 20 มีทั้งสระน้ำกลางแจ้งและสระน้ำในร่ม ประกอบด้วย สระน้ำกลางแจ้งขนาดใหญ่ 3 สระ และสระน้ำในร่มอีก 15 สระ เราสามารถเลือกแช่น้ำที่มีอุณหภูมิเหมาะกับตัวเองจากสระต่าง ๆ ได้ สถานที่นี้แต่เดิมเคยแยกชาย หญิง แต่ปัจจุบันเปิดให้บริการทั้ง 2 เพศได้ใช้ร่วมกัน