ท่องเที่ยว ไอซ์แลนด์ ความมหัศจรรย์ที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน

หลายๆคนคงรู้จักประเทศไอซ์แลนด์ ซึ่งโด่งดังมากในเรื่องของแสงเหนือ แต่ว่านอกจากแสงเหนือนั้น ไอซ์แลนด์ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามอยู่มากมายเลยทีเดียว เดี๋ยวเราจะพาไปแนะนำมุมต่างๆของไอซ์แลนด์กันเลย ว่าจะเด็ดขนาดไหน

Reykjavik กรุงเรคยาวิก (เมืองหลวง)

ไอซ์แลนด์เรคยาวิก เป็นเมืองหลวงของประเทศไอซ์แลนด์ และเป็นเมืองหลวงที่ตั้งอยู่ใกล้กับขั้วโลกเหนือมากที่สุด โดยตั้งอยู่ไม่ไกลจากเส้นอาร์กติกเซอร์เคิลมากนัก ทำเลที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ ด้านมุมล่างของอ่าว Faxaflói ซึ่ง Ingolfur Arnarson ชาวนอร์ดิค เป็นผู้อพยพคนแรกที่มาตั้งรกรากที่เรคยาวิกในปี พ.ศ. 1413 เมื่อเรคยาวิกกลายเป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางทางการค้าและธุรกิจการประมง จึงได้มีการก่อตั้งให้เป็นเมืองหลวงในปี พ.ศ. 2329 ปัจจุบันเขตเมืองมีประชากรประมาณ 120,000 คน ประกอบด้วย 7 เทศบาลนครซึ่งรวมเทศบาลนครเรคยาวิกด้วย

Perlan

ไอซ์แลนด์อาคารโดมกระจกทรงไข่มุกที่สร้างอยู่บนตั้งอยู่บนฐานที่คล้ายถังน้ำขนาดใหญ่ 4 ฐาน ที่มองเห็นได้ในระยะไกลโดดเด่น มีความสูงของอาคารอยู่ 5 ชั้น มีพื้นที่ ประมาณ 10000 ตารางเมตร แบ่งเป็นส่วนต่างๆ เช่น ร้าน อาหาร, ร้านไอศกรีม, พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ ไวกิ้ง, สวนนํ้า และ ร้านขายของที่ระลึกออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัง อิงกิ มูนดูร์ ซึ่งสามารถมองเห็นได้ในระยะไกล เป็นสถานที่ใช้สำหรับต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง รวมไปถึงโซนจัดแสดงนิทรรศกาลในโอกาสต่าง ๆ

Harpa

อาคารคอนเสิร์ตฮอลล์ชั้นนำและศูนย์ประชุมที่ด้านนอกอาคารทำด้วยกระจกแห่งนี้ มีความสวยงามโดดเด่นริมท่าเรือ การออกแบบของ Harpa นั้นเป็นความร่วมมือกันระหว่างสถาปนิกชาวเดนมาร์ก Henning Larsen, สถาปนิกชาวไอซ์แลนด์ Batteriio Architects และ Olafur Eliasson ศิลปินชื่อดัง ตัวอาคารเป็นรูปทรงเลขาคณิตและสร้างด้วยกระจก จึงทำให้สะท้อนแสงแดดอย่างงดงาม ชมการผสมผสานกันระหว่างตัวอาคารที่ออกแบบเป็นทรงเหลี่ยมกับทิวทัศน์ธรรมชาติของไอซ์แลนด์

The Sun Voyager

เป็นผลงาน โซลฟาร์ (Sólfar หรือ the Sun Voyager) งานประติมากรรมรูปเรือที่ตั้งอยู่ในกรุง Reykyavik สร้างขึ้นโดยช่างสลักชื่อ Jon Gunnar Arnason ที่โดยคนส่วนมากมักจะเข้าใจผิดว่ามันคือสัญลักษณ์เรือไวกิ้ง แต่จริงๆแล้ว The Sun Voyager มีความหมายโดยนัยเดิมว่า “เรือแห่งความฝัน” และเป็นบทสรรเสริญพระอาทิตย์ด้วย โดยช่วงเวลาที่เหมาะกับการไปเยี่ยมชมงานศิลปะชิ้นนี้มากที่สุด คือฤดูร้อนในช่วงกลางคืน เนื่องจากจะเป็นช่วงเวลาที่มีปรากฏการณ์ Midnight Sun หรือพระอาทิตย์เที่ยงคืน ทำให้แม้จะเป็นเวลากลางคืนแล้วแต่ก็พระอาทิตย์ก็ยังไม่ตกดิน

Black Beach

ชมหาดทรายดำ (Black Beach) ซึ่งเกิดจากการสึกกร่อนของหินลาวา และแนวหินบะซอลต์ นับเป็นหนึ่งในชายหาดที่แปลกตา และมีความสวยงามที่หนึ่งบนโลก สุดชายหาดมีเนินเขาย่อมๆ อยู่ลูกหนึ่ง เดินเข้ามาใกล้ๆ จะเห็นแท่งหินบะซอลต์ซ้อนกันอยู่เป็นชั้นๆ มองดูเหมือนออแกนขนาดยักษ์ บริเวณหน้าผาด้านหลัง ที่เห็นมีกองหินอยู่เรียกว่า Reynisdrangur เป็นดาวเด่นของที่นี่ ทัศนียภาพเบื้องหน้ามีทั้งเสาหิน ลาวา อันเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟธาร

Hallgrímskirkja

โบสถ์ Hallgrímskirkja นี้มีความสูง 74.5 เมตร สูงเป็นอันดับ 4 ในประเทศไอซ์แลนด์ เป็นสถานที่สำคัญของเมืองเรคยาวิก ที่นี่ถูก ตั้งชื่อตามพระในศาสนาคริสต์ที่ชื่อฮาลล์กริมูร์ (Hallgr mur Petursson) นักประพันธ์ที่มีชื่อเสียงในไอซ์แลนด์ โบสถ์จึงมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Hallgr Mskirkja แปลว่า โบสถ์ของฮาลล์กริมูร์ ออกแบบโดย นายกุดโยน Guðjón Samúelsson เป็นสถาปัตยกรรมแนวอิมพราสชั่นนิสท์(Impressionist) คล้ายกับโบสถ์ Grundtvig’s Church ที่โคเปเฮเกน เดนมาร์ก และใช้เวลาในการก่อสร้าง นานถึง 38 ปี ตั้งแต่ปีเริ่มสร้าง ค.ศ. 1945 จนกระทั่งแล้วเสร็จในปี ค.ศ.1986 ว่ากันว่าสามารถมองเห็นโบสถ์ได้จากเกือบทุกที่ในเมือง หน้าโบสถ์มีอนุเสาวรีย์ของไลเฟอร์ อีริกสัน (Leifer Eiriksson)สวมหมวก มีผ้าคลุมลักษณะพริ้วสะบัด ถือขวานขนาดใหญ่ และอีกมือถือหนังสือแนบไว้กับอก เป็นสัญลักษณ์ของการผจญภัย ในประวัติศาสตร์ไอซ์แลนด์ถือวาเลฟร์ เป็นชาวนอสร์ ชาติยุโรป คนแรกที่ไป “เหยียบ” ดินแดนแถบอเมริกาเหนือซึ่งรวมถึงกรีนแลนด์ด้วย โดยอนุสาวรีย์ดังกล่าวสหรัฐอเมริกามอบให้แก่ไอซ์แลนด์เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 1 พันปี รัฐสภา “Althing” ของไอซ์แลนด์

Skogafoss

น้ำตก Skogafoss สโคคาร์ฟอสส์ เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมากที่สุดในเขตภาคใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ อยู่ที่หมู่บ้านสโคการ์ เป็นน้ำตกที่สูงที่สุด และเป็นมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศไอซ์แลนด์อีกด้วย ความสูงประมาณ 60 เมตร คุณจะต้องตื่นตาตื่นใจไปกับความงดงามของสายน้ำที่ไหลลงมาจากหน้าผา และกลายเป็นน้ำแข็งขาวโพลน ก่อเกิดเป็นทัศนียภาพที่สวยงามตระการตา

Godafoss

น้ำตก Godafoss หรือ Waterfall of Gods เป็นหนึ่งในน้ำตกที่สวยงาม ที่มาของชื่อน้ำตกคือในสมัยก่อนศาสนาคริสต์ได้เข้ามาใน Iceland คนแถวนี้ได้มีการเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์และโยนรูปปั้นพระเจ้า Norse ซึ่งเป็นพระเจ้าองค์เก่าของชาว Iceland ลงไปในน้ำตกแห่งนี้จึงได้ชื่อว่า Godafoss (Goda แปลว่า Gods)

Hverfjall

Hverfjall ซึ่งเป็นภูเขาไฟรูปทรงโคนและมีขนาดความกว้างของปล่องประมาณ 1 กิโลเมตร สามารถเดินเท้าขึ้นไปที่ปากปล่องเพื่อ ชมวิวของ Lake Myvatn และความอลังการของปล่องภูเขาไฟได้

Dettifoss

น้ำตก Dettifoss เป็นน้ำตกที่ใหญ่และทรงพลังมากเป็นอันดับหนึ่งของยุโรป ถือเป็นน้ำตกที่ยังคงความเป็นธรรมชาติมากๆ บริเวณน้ำตกและพื้นที่โดยรอบไม่มีสิ่งก่อสร้างใดๆเลยแม้แต่แห่งเดียว จุดเด่นของน้ำตกแห่งนี้อยู่ที่ความกว้าง ของชั้นน้ำตกที่ไหลลงมาจากขอบหน้าผา ก่อนที่สายน้ำที่มีพลังอันมหาศาลจะไหลลงสู่หุบเหวเบื้องล่าง นอกจากนี้แล้ว นักท่องเที่ยวจะสามารถมองเห็นละอองน้ำที่ สาดกระเซ็นขึ้นสู่ท้องฟ้านับหลายกิโลเมตรก่อนเข้าถึงน้้ำตกอีกด้วยเ ป็นน้ำตกที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ไปชมได้มากที่สุดเมื่อมาเยือนเกาะไอซ์แลนด์

Jokulsarlon ธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน

เป็นทะเลสาบธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ และลึกเป็นอันดับที่สองโดยอยู่ทางทิศใต้ตรงปลายทางของธารน้ำแข็งพันปี วัทนาโจกุล (glacier Vatnajökull) โดยปรากฏขึ้นครั้งแรกในช่วงปีค.ศ. 1934 1935 น้ำแข็งก้อนสุดจะใหญ่โต ค่อยๆ ละลายลงมาจากภูเขาน้ำแข็งด้านบน และไหลลงสู่ทะเล ทำให้พื้นที่ขยายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนในปัจจุบันกินพื้นที่กว้างทั้งหมดถึง 18 ตารางกิโลเมตรเลยทีเดียว และมีความลึกของน้ำถึง 200 เมตร อีกทั้งยังจะได้ชมกับความสวยงามของทุ่งน้ำแข็งแห่งนี้ มีนก Skuas เป็นนกทะเลสีดำ และนกสีขาวตระกูลนกนางนวล ที่เรียกว่า big seagulls