ศาลหลักเมือง จ.นครศรีธรรมราช
ศาลหลักเมือง จ.นครศรีธรรมราช
ประวัติการสร้าง ศาลหลักเมือง
สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐาน ศาลหลักเมือง ตามคำแนะนำของคณะกรรมการสร้างสิ่งสำคัญทางประวัติศาสตร์ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมกับภาคเอกชนก่อสร้างศาลขึ้นมาบนที่ดินราชพัสดุ บริเวณทิศเหนือของสนามหน้าเมือง เนื้อที่ 2 ไร่ ซึ่งประกอบไปด้วย อาคาร 5 หลัง หลังกลางเป็นที่ประดิษฐานของศาลหลักเมือง ออกแบบให้มีลักษณะที่คล้ายกับศิลปะศรีวิชัย เรียกว่า ทรงเหมราชลีลา วางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2532 ส่วนอาคารเล็กทั้งสี่หลัง ถือเป็นบริวารสี่ทิศ เรียกว่าศาลจตุโลกเทพ ประกอบด้วยพระเสื้อเมือง ศาลพระทรงเมือง ศาลพระพรหมเมือง และศาลพรบันดาลเมือง วางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2535 ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ใน พ.ศ. 2542 ผู้ออกแบบอาคารศาลหลักเมืองคือ ยุทธนา โมรากุล
ขั้นตอนในการทำพิธีในการสร้าง ศาลหลักเมือง
- พิธีกรรมเผาดวงชะตาเมือง กระทำที่ป่าช้าวัดชะเมา ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เป็นการล้างอาถรรพ์ดวงชะตาเมืองเดิม ซึ่งเรียกว่า ดวงราหูชิงจันทร์ หรือ ดาวพินธุบาทว์ ซึ่งการเผาดวงชะตาในครั้งนี้ ใช้ เพชญมาตฤกษ์ คือเลยเที่ยงคืนไป 1 นาที ของปลายปี พ.ศ. 2528
- พิธีลอยชะตาเมือง เพื่อทำลายดวงชะตาเมืองเดิม ทำแพจากต้น กล้วยไม้ , เก็บดิน 4 มุมเมือง , น้ำ 5 ท่า , ดาบเก่า 4 เล่ม , รูปคนทำด้วยดินปั้น 4 รูป , เสาไม้ตะเคียนทอง 1 ต้น , พญาโหราเรียกอาถรรพณ์จัญไร บรรจุลงต้นตะเคียนทอง เสกคาถาลงยันต์แล้วนำไปลอยที่ปากน้ำปากนคร
- พิธีกรรมสะกดหินหลัก กระทำที่บริเวณฐานพระสยม ตลาดท่าชี ต.ในเมือง หินหลักเป็นสิ่งที่พวกพราหมณ์ดั้งเดิมฝังอาถรรพณ์เสนียดจัญไรเอาไว้
- พิธีปลุกยักษ์วัดพระบรมธาตุ เพื่อ ให้ทำหน้าที่รักษาบ้านเมือง หลักจากถูกอาถรรพณ์สะกดมานาน นอกจากนั้นยังปลุกพระมหากัจจายนะ พระปัญญา พระพวย และเทวดาอีกด้วย
- พิธีปลุกพระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระทั้งสององค์สถิตอยู่ ณ หอพระพุทธสิหิงค์ ซึ่งหลับใหลมานานปี ให้ตื่นขึ้นมาช่วยบ้านเมือง
- พิธีกรรมพลิกธรณี กระทำที่ริมรั้วป่าช้าวัดชะเมา พลิกดินที่ชั่วร้ายสกปรกฝังไว้เบื้องล่าง เอาดินดีขึ้นมาไว้เบื้องบน เพื่อบ้านเมืองจะได้ร่มเย็นเป็นสุข เจริญรุ่งเรืองต่อไปในวันข้างหน้า
- พิธีพรรมเทพชุมนุมตัดชัย กระทำที่วิหารหลวง วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2529 เวลา 12.39 น. ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น 7 ค่ำ เดือนยี่ ปีฉลู นับเป็นพิธีกรรมอันสำคัญ การทำพิธีในครั้งนี้มี พระเทพวราภรณ์ เป็นประธานฝ้ายสงฆ์ พลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช เป็นประธารฝ่ายฆราวาส จุดมุ่งหมายของพิธีกรรมนี้ เพื่อสร้างสวัสดิมงคลแก่จังหวัดนครศรีธรรมราช จากการเจริญพระพุทธมนต์ และแสดงพระธรรมเทศนาของพระสงฆ์แล้ว เทวดารักษาเมืองยังมาชุมนุมเสกผ้ายันต์สิบสองนักษัตรจำนวน 3,000 ผืน เขียนผ้ายันต์จำนวน 108 ผืน และประกาศบอกกล่าวแก่ผู้คนให้มาช่วยกันสร้างศาลหลักเมือง
- พิธีกรรมตอกหัวใจสมุทร เพื่อให้ดวงชะตาเมืองถูกบรรจุด้วยธาตุทั้ง 4 กระทำ ณ สี่แยกคูขวาง เมื่อวันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2529 ตรงกับแรม 12 ค่ำ เดือนยี่ เวลาประมาณ 18.30 น. การที่เลือกบริเวณกลางสี่แยกคูขวางเป็นจุดตอกหัวในสมุทร เหตุเพราะ จุดดังกว่าได้ศูนย์กับองค์พระธาตุ ภูเขามหาชัย และได้ศูนย์กับทิศทั้ง 8 ตามตำราของชาวเมืองสิบสองนักษัตร
- พิธีฝังหัวใจเมือง กระทำเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2529 ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 4 ปีฉลู เวลา 11.39 น. ณ จุดตอกหัวใจสมุทร ด้วยการขุดหลุดลึก 9 ศอก เจ้าพิธีอ่านโองการ อุปกรณ์พิธีกรรมฝังหัวใจเมือง ประกอบด้วยสิ่งของ 7 ชนิด ฝังลงในหลุมรวมกับแผ่นหัวใจเมือง ดินจากทุกตำบล ทุกหมู่บ้านในเมืองสิบสองนักษัตร ที่ประชาชนนำมาใส่ลงในหลุมด้วย วัตถุธาตุแทนธาตุ 4 ประกอบด้วย ถ่าน (แทนธาตุไฟ) , เกลือ (แทนธาตุน้ำ) , ข้าวเปลือก (แทนธาตุลม) , ทราย (แทนธาตุดิน) , พญาไม้มงคล 9 ชนิด, ผ้าสี 12 ผืน วางก้นหลุมเป็นลำดับแรก ทุกอย่างใส่ลงในหลุมทั้งหมด
- พิธีกรรมประติมากรรม โดยแกะสลักด้วยไม้ตะเคียนทองทั้งต้น ซึ่งได้มาจากเขายอดเหลือง ในท้องที่ตำบลกะหรอ อำเภอท่าศาลา มีลักษณะแปลก คือ บริเวณรอบโคน มีลักษณะเตียนโล่ง ซึ่งเรียกว่า ลานนกหว้า หรือ ตะเคียนใบกวาด การแกะสลักทำที่บ้านพักผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช
- พิธีเบิกเนตรหลักเมือง กระทำกันต่อเนื่องถึง 3 วัน คือ วันที่ 3 – 5 มีนาคม พ.ศ. 2530 วันที่ 3 มีนาคม อัญเชิญหลักเมืองที่แกะสลักเรียบร้อยแล้วไปประดิษฐานที่วิหารหลวง วัดบรมธาตุหลังจากพระเถระเจริญพระพุทธมนต์ และ เจ้าพิธีรำกระบี่โบราณถวายสักการะแล้วก็เคลื่อนขบวนแห่ไปตามถนนราชดำเนินไปยังตลาดท่าวัง แล้ววกกลับสู่สนามหน้าเมือง อัญเชิญหลักเมืองขึ้นสู่สนามหน้าเมืองอัญเชิญหลักเมืองเมืองขึ้นสู่ที่ประดิษฐานชั่วคราวให้ ประชาชนสักการะขบวนช้าง – ม้า ศิลปินพื้นบ้านกลุ่มพลังมวลชนต่าง ๆวงดุริยางค์ และ ประชาชนจากทั่วสารทิศ ขบวนยาวประมาณ 2 กิโลเมตร ประชาชนคอยชมขบวนมืดฟ้ามัว ดินเป็นประวัติการณ์
วันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2530 เวลา 10.30 น. พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมารับมอบหลักเมืองเป็นของทางราชการ
วันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2530 ตอนค่ำมีพิธีสงฆ์ จากนั้นเจ้าพิธีอ่านโองการเชิญเทวดา ต่อมาท่านประธาน จุดเทียน อันเป็นการประจุจิตวิญญาณ ของเทวดารักษาเมือง เข้าไปสิงสถิตภายในเสาหลักเมือง ให้สามารถรับรู้เหตุการณ์ และคุ้มครองดูแลได้ จากนั้นมีการจุดพลุถวายสักการะ มี ข้าราชการ พ่อค้า และประชาชน ร่วมปิดทอง สักการะ เป็นเสร็จพิธี
- พิธีการเจิมยอดชัยหลักเมือง เป็นพิธีกรรมที่สำคัญ และถือเป็นมงคลอย่างสูงสุด คือทรงเจิมยอด ชัยหลักเมือง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ปลัดกระทรวง มหาดไทย นำคณะอันประกอบด้วย รองผู้ว่าราชการจังหวัด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เลขาธิการคณะรัฐมนตรี วุฒิสมาชิก พร้อมด้วยข้าราชการและประชาชนผู้ร่วมจัดสร้างศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท นำยอดชัยหลักเมืองเพื่อทรงเจิม ในวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2530 ยอดชัยหลักเมืองที่ทรงเจิมในวันนั้น
- พิธีแห่ยอดชัยหลักเมือง กระทำวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2530 เป็นการต้อนรับยอดชัยหลักเมือง ซึ่งคณะฯ นำของรองผู้ว่าราชการจังหวัดที่มาจากกรุงเทพมหานคร แห่จากสนามบินกองทัพภาคที่ 4 มายังสนามหน้าเมืองมีขบวนช้างศึก ม้าศึก และประชาชน จำนวนมาก
- พิธีอัญเชิญหลักเมืองขึ้นสู่ศาลถาวร โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน
- พิธีสวมยอดชัยหลักเมือง เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2531 โดยพลเอก สุจินดา คราบประยูร
- พิธีเททองปลียอดศาลหลักเมืองและศาลบริวาร เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2541 โดยมีนาย บัญญัติ บรรทัดฐาน ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีในขณะนั้นก็ยังเป็นประธานในพิธี
ลักษณะของศาลหลักเมือง
องค์เสาหลักเมืองทำด้วยไม้ตะเคียนทองที่ได้มาจากภูเขายอดเหลือง อันเป็นภูเขาลูกหนึ่งในทิวเขานครศรีธรรมราช ในท้องที่ตำบลกระหรอ กิ่งอำเภอนบพิตำ จังหวัดนครศรีธรรมราช ขนาดความสูง 2.94 เมตร ลวดลายที่แกะสลัก ตั้งแต่ฐาน ซึ่งเป็นวงรอบเก้าชั้น มี 9 ลาย ส่วนบนของเสาเป็นรูปจุตคามรามเทพ เหนือสุดเป็นเปลวเพลิงอยู่บนยอดพระเกตุ คือ ยอดชัยหลักเมือง รูปแบบการ แกะสลักจินตนาการจากความเชื่อในพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน ซึ่งเคยมีอิทธิพลทางศิลปกรรมในภาคใต้และนครศรีธรรมราชแต่ครั้งโบราณ
ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช มีลักษณะเหมือนกันทั้ง 4 ด้าน ซึ่งแต่ละจุดมีความแตกต่างอยู่ที่มีรูปไก่ยืนอยู่ 1 คู่ลานทักษินรอบศาลหลักเมืองปูด้วยอิฐบล็อครูปแปดเหลี่ยม รอบนอกลานทักษินมีวิหารราย ประดิษฐานพระโพธิสัตว์ อยู่ภายใน
บริเวณด้านหน้าของศาลหลักเมือง มีถนนผ่านระหว่างศาลหลักเมืองกับสนาม อีกทั้งยังมีรถมาขายของกินกับเครื่องดื่มไว้สำหรับประชาชนที่เดินทางมาไหว้ศาลหลักเมือง ด้านหลังศาลหลักเมืองมีลานจอดรถ เมื่อเข้าไปทางด้านในแล้ว จะพบว่าจะมีคนเยอะมากในวันหยุด เพื่อมาจุดธูปเทียนบูชาศาลหลักเมือง อย่างสุดท้าย คือ เสาหลักเมืองนครศรีธรรมราช นอกเหนือจากเสาหลักเมืองแล้ว ภายในศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราชยังมีรูปสมเด็จพรหมรังสี และหลวงปู่ทวด รวมทั้งยังมีพระพุทธรูปอีกหลายองค์
สนใจทัวร์ นครศรีธรรมราช ติดต่อเราได้ที่นี่ …
Line : @tourddtooktook
โทร: 02-010-8840
สายด่วน: 091-739-6939 พี่หวิน // สายด่วน: 090-894-3331
เว็บไซต์: https://www.we-rworldtour.com/
Facebook: https://www.facebook.com/werworldtour/
ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆ จาก : shutterstock