รวม 8 ยอดเขาสุดอลังการใน สวิตเซอร์แลนด์

รวม 8 ยอดเขาสุดอลังการใน สวิตเซอร์แลนด์

ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งอยู่ใจกลางทวีปยุโรปบนเทือกเขาแอลป์ ไม่มีทางออกสู่ทะเล มีพรมแดนติดกับประเทศเยอรมนี ประเทศฝรั่งเศส ประเทศออสเตรีย ประเทศอิตาลี และประเทศลิกเตนสไตน์

สวิตเซอร์แลนด์ ได้รับการขนานนามว่า หลังคาแห่งทวีปยุโรป เนื่องจากลักษณะของภูมิประเทศของสวิตเซอร์แลนด์ไม่ค่อยมีพื้นที่ราบ พื้นที่มากกว่า 70% ของประเทศเป็นเขตภูเขา สลับกับพื้นที่ทุ่งหญ้าดอกไม้ป่า มีทะเลสาบจำนวนมาก และถูกล้อมรอบด้วยเทือกเขาสูงอย่างเทือกเขาแอลป์ ส่งผลให้สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่มีภูเขามากที่สุดในยุโรป วันนี้น้องวีอาร์จึงอยากพาทุกท่านมาชม 8 ยอดเขาสุดอลังการที่ต้องไปพิชิตสักครั้งในชีวิตเมื่อไปเยือนสวิตเซอร์แลนด์

 

 1.ยอดเขาจุงเฟรา (Jungfrau)

ยอดเขาจุงเฟรา หรือ จุงเฟรายอร์ค (Jungfraujoch) ในเป็นภาษาเยอรมันแปลว่า สาวน้อย เป็นส่วนหนึ่งในเทือกเขาแอลป์ ตั้งอยู่ในรัฐแบร์น ใกล้กับเมืองอินเทอร์ลาเคน (Interlaken) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้รับการขนานนามว่าเป็น Top of Europe ด้วยส่วนยอดสูงสุดของจุงเฟราที่มีความสูงถึง 4,158 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ทำให้ด้านบนมีหิมะปกคลุมตลอดเวลา ยอดเขาจุงเฟราได้รับการยกย่องให้เป็นพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกของยุโรปจาก UNESCO และยังเป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟ จุงเฟรายอร์ค (Jungfraujoch) สถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรปที่ความสูง 3,454 เมตรอีกด้วย

การเดินทางสู่ยอดเขาจุงเฟรา เริ่มต้นที่สถานีรถไฟ Interlaken OST สามารถเลือกเดินทางได้ 2 เส้นทาง คือ ไปทางเมืองกรินเดลวาลด์ (Grindelwald) และไปทางเมืองเลาเทอร์บรุนเนิน (Lauterbrunnen) และแต่ทั้ง 2 เส้นทางจะไปบรรจบกันที่สถานีไคลน์ไซเด็ก (Kleine Scheidegg) จากนั้นเปลี่ยนขบวนไปนั่งรถไฟสีแดง ซึ่งเป็นรถไฟด่วนที่วิ่งช้าที่สุดในโลก เพื่อเดินทางขึ้นสู่ยอดเขาจุงเฟราที่สถานีสุดท้าย

ไฮไลท์และกิจกรรมบนยอดเขาจุงเฟรา

ชมวิวบนหอสังเกตการณ์ Sphinx (สฟริงซ์) หอคอยชมวิวแบบ 360 องศาบนระดับความสูง 3,571 เมตร ซึ่งสามารถมองเห็นยอดเขาที่เรียงรายสลับซับซ้อนกันได้อย่างชัดเจน

ชมถ้ำน้ำแข็งพันปี Ice Palace ประติมากรรมน้ำแข็งที่ไม่มีวันละลาย ทำจากน้ำแข็งธรรมชาติ เกิดจากการขุดเจาะใต้ธารน้ำแข็ง Glacier ลึกลงไป 30 เมตร ภายในจะมีผลงานศิลปะน้ำแข็งแกะสลักอยู่ตามจุดต่าง ๆ

ชมวิวเหมือนจริงแบบ 360 องศา Jungfrau Panorama ห้องฉายภาพยนตร์สั้น ๆ เกี่ยวกับยอดเขาจุงเฟราแบบพาโนรามา 360 องศา โดยห้องนี้จะเป็นจุดแวะชมวิวในกรณีที่ด้านนอกมีสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยหรือมีเมฆเยอะจนไม่สามารถออกไปชมวิวด้านนอกได้

ชมประวัติศาสตร์เรื่องราวของการรถไฟจุงเฟรา Alpine Sensation Adventure Tunnel อุโมงค์แห่งโลกอัลไพน์ ความยาว 250 เมตร แสดงวิถีชีวิต วัฒนธรรมและธรรมชาติของชาวสวิส ประวัติการก่อสร้างรถไฟขึ้นสู่ยอดเขาจุงเฟรา และจัดแสดงประวัติความเป็นมาตั้งแต่การทำเส้นทางรถไฟ มีไฮไลท์คือรูปปั้นและสโนว์โกลบขนาดใหญ่อยู่ภายในให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

ชมวิวที่ Plateau เป็นที่ราบสูงริมเขา นักท่องเที่ยวมักนิยมมาถ่ายรูปกับธงชาติสวิตเซอร์แลนด์ที่มียอดเขาจุงเฟราเป็นฉากหลัง

 

2.ยอดเขาแมทเธอร์ฮอร์น (Matterhorn)

ยอดเขาแมทเธอร์ฮอร์น ตั้งอยู่บนแนวของเทือกเขาแอลป์ เมือง Zermatt บริเวณพรมแดนระหว่างสวิตเซอร์แลนด์กับอิตาลี เกิดจากการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลกเมื่อ 50 ล้านปีก่อน เมื่อครั้งที่แผ่นดินทวีปแอฟริกากับทวีปยุโรปเคลื่อนเข้ามาชนกัน มีความสูงราว 4,478 เมตร ยอดเขามีความโดดเด่นเนื่องจากมีลักษณะสูง โค้ง แหลมคล้ายพีระมิด ชื่อ Matterhorn มาจากภาษาเยอรมัน เกิดจากคำ 2 คำรวมกันคือคำว่า Mette แปลว่า ทุ่งหญ้า และคำว่า Horn แปลว่า เขาสัตว์ แปลรวมกันได้ว่า “ยอดเขาแห่งทุ่งหญ้า” บนยอดเขาจะมีหิมะปกคลุมอยู่ตลอดเวลา เขาแห่งนี้จึงได้รับการขนานนามว่า “มงกุฎแห่งสวิตเซอร์แลนด์”

ด้วยความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและความแปลกตาของแมทเธอร์ฮอร์น ทำให้มีบริษัทระดับโลกอย่างแบรนด์ช็อกโกแลต Toblerone ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และผู้ผลิตภาพยนตร์รายใหญ่ของโลกอย่าง Paramount Pictures ได้ถึงกับนำเอาภาพของยอดเขาแมทเธอร์ฮอร์นไปเป็นตราสัญลักษณ์ของแบรนด์ตนเองกันเลยทีเดียว

ไฮไลท์และกิจกรรมบนยอดเขาแมทเธอร์ฮอร์น

นั่งเคเบิ้ลคาร์ ชมทิวทัศน์ของเทือกเขาแบบ 360 องศา จากสถานี Zermatt ZBAG-Iz ทางใต้สุดของเซอร์แมท จนถึงสถานีปลายทาง Klein Matterhorn (Matterhorn Glacier Paradise) ซึ่งเป็นสถานีเคเบิ้ลคาร์ที่สูงที่สุดในยุโรปด้วยระดับความสูง 3,883 เมตร

นั่งรถไฟจากสถานีรถไฟ Gornergrat Bahn ขึ้นสู่ยอดเขา โดยระหว่างทางจะได้เห็นธรรมชาติและภูมิประเทศอันสวยงามที่รายล้อมอยู่ข้างทาง

 

 3.ยอดเขากรอนเนอร์แกรต (Gornergrat) 

เป็นจุดถ่ายรูปยอดเขาแมทเธอร์ฮอร์นที่สวยที่สุด และเป็นลานชมวิวที่สามารถมองเห็นวิวของเทือกเขาแอลป์ได้ 360 องศา บนความสูงเหนือระดับน้ำทะเลกว่า 3,300 เมตร ซึ่งสามารถมองเห็นได้ทั้งยอดเขาแมทเธอร์ฮอร์น แนวเทือกเขาแอลป์ และยอดเขาที่สูงกว่า 4,000 เมตร ได้ถึง 29 แห่งด้วยกัน นับเป็นจุดชมวิวที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากนักท่องเที่ยว

ไฮไลท์และกิจกรรมบนยอดเขากรอนเนอร์แกรต

นั่งรถไฟชมวิวจากสถานีรถไฟ Gornergrat Bahn ขึ้นสู่ยอดเขา ชมความสวยงามของธรรมชาติข้างทางผ่านหน้าต่างของรถไฟ

ชมยอดเขาแมทเธอร์ฮอร์นและแนวเทือกเขาแอลป์บนลานชมวิวแบบพาโนรามา

 

4.ยอดเขาทิตลิส (Titlis)

ยอดเขาที่มีธารน้ำแข็งที่สูงที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งอยู่ในเมืองแองเกิลเบิร์ก มีความสูง 3,238 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มีอากาศหนาวเย็นและหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี การขึ้นไปยังยอดเขาต้องขึ้นกระเช้าลอยฟ้า ใช้เวลาประมาณ 30 นาที โดยกระเช้าจะหยุดที่สถานี Trubsee เป็นจุดแรก นักท่องเที่ยวสามารถแวะลงไปเที่ยวชมและทำกิจกรรมในบริเวณสถานี Trubsee (ซึ่งมีความสูง 1,764 จากระดับน้ำทะเล) ก่อนได้

จากนั้นกระเช้าจะไปหยุดที่สถานี Stand โดยจุดนี้จะมีการเปลี่ยนกระเช้าเป็นกระเช้า Titlis Rotair หรือกระเช้าลอยฟ้าทรงกลมที่หมุนรอบตัวเองได้ 360 องศาแห่งเเรกของโลกในการขึ้นไปยังยอดเขาทิตลิส โดยกระเช้าจะหยุดที่สถานี Klein Titlis เป็นสถานีสุดท้าย ซึ่งมีระดับความสูง 3,028 เมตรจากระดับน้ำทะเล หากต้องการไปถึงยอดสูงสุดของเขาทิตลิส จะต้องเดินต่อไปเองอีกราว 200 เมตร

ไฮไลท์และกิจกรรมบนยอดเขาทิตลิส

ขึ้นกระเช้า Titlis Rotair กระเช้าที่หมุนรอบตัวเองได้ 360 องศา เพื่อขึ้นไปยังยอดเขาทิตลิส และชมทัศนียภาพความสวยงามของเทือกเขา

นั่งเก้าอี้ลอยฟ้าห้อยขา Ice Flyer เครื่องเล่นรูปแบบ chairlift ผ่านภูเขาหิมะและรอยแยกธารน้ำแข็ง

เดินเล่นบน Titlis Cliff Walk สะพานแขวนที่สูงที่สุดในยุโรป ที่มีความยาวกว่า 100 เมตร ความสูงเกิน 500 เมตรจากหน้าผา และอีก 3041 เมตรจากระดับน้ำทะเล

ชมถ้ำใต้ธารน้ำแข็ง Titlis Glacier Cave ที่ประดับด้วยไฟสีสันมากกว่า 8,000 ดวง ภายในถ้ำมีอุณหภูมิ -1.5 ถึง 1 องศาเซลเซียส

กิจกรรมสกีและสไลเดอร์หิมะ

 

5.ยอดเขากลาเซียร์ 3000 (Glacier 3000)

เป็นส่วนหนึ่งของภูเขากูดสตาร์ด (Gstaad Mountain) สูงกว่าระดับน้ำทะเล 3,000 เมตร จากสถานีเมือง Col di Pillon เดินทางโดยกระเช้าไฟฟ้าที่สามารถจุผู้โดยสารได้มากถึง 125 คน

ไฮไลท์และกิจกรรมบนยอดเขากลาเซียร์ 3000

The Peak Walk สะพานแขวนที่เชื่อมระหว่าง 2 ยอดเขา จากจุดชมวิวเชื่อมไปยังยอดเขา Scex Rouge สะพานนี้มีความยาว 107 เมตร กว้าง 80 เซนติเมตร สามารถมองเห็นเขา Matterhorn, Mont Blanc, Eiger, Mönch Jungfrau และสามารถมองเห็นธารน้ำแข็งใหญ่ที่อยู่ด้านล่างได้จากการชมวิวบนสะพาน

นั่ง Ice Express เก้าอี้เลื่อนไฟฟ้าชมวิวเขาในมุมสูง

นั่ง Alpine Coaster เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความท้าทายและความเร็ว สามารถควบคุมความเร็วได้โดยการเบรค

กิจกรรมปีนเขา, Ski, Snowboard, การเล่นสกีแบบวิบาก (Cross-Country Skiing), สุนัขลากเลื่อน (Dogsled Rides), นั่งรถ Snow Bus สำรวจพื้นที่ธารน้ำแข็ง

 

 

6.ยอดเขาริกิ (Rigi)

ตั้งอยู่ในเมืองลูเซิร์น (Luzern) ได้รับสมญานามว่า “ราชินีแห่งขุนเขา” เนื่องจากมีทัศนียภาพที่สวยงาม ไม่มีภูเขาลูกอื่นมาบดบังทัศนียภาพ มีความสูง 1,797 เมตรจากระดับน้ำทะเล

การเดินทางมายังเขาริกิสามารถเดินทางได้หลายเส้นทาง คือ เดินทางโดยรถไฟจากสถานีรถไฟลูเซิร์น ไปยังสถานี Arth-Goldau โดยเรือล่องทะเลสาบลูเซิร์นไปลงท่าเรือ Vitznau แล้วเดินต่อไปยังรถไฟฟันเฟือง โดยรถไฟฟันเฟืองเป็นรถกลไฟใช้ระบบไอน้ำ สร้างเมื่อปี 1858 ซึ่งเป็นรถจักรที่เก่าแก่ที่สุด เพื่อไปยังสถานี Rigi-Kulm บนยอดเขาริกิ

ไฮไลท์และกิจกรรมบนยอดเขาริกิ

เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของเมืองลูเซิร์น สามารถมองเห็นทะเลสาบลูเซิร์นและเทือกเขาสวิสแอลป์ได้แบบ 360 องศา

นั่งรถไฟฟันเฟืองสีฟ้าหรือแดงที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป

กิจกรรมการเล่นสกี หรือลากเลื่อนในฤดูหนาว และมีเส้นทางเดินป่าหลากหลายเส้นทางที่เหมาะสำหรับนักเดินป่าในฤดูร้อน

 

7.ยอดเขาฮาร์เดอร์ คุล์ม (Harder Kulm)

ยอดเขาฮาร์เดอร์ คุล์ม ตั้งอยู่ที่เมืองอินเทอร์ลาเคน (Interlaken) ถือเป็นหนึ่งในยอดเขาชมวิวของสวิตเซอร์แลนด์ที่ขึ้นได้ง่ายที่สุดและใช้เวลาน้อยที่สุด ทว่าความงดงามของวิวนั้นงดงามไม่แพ้ที่ใด มีจุดชมวิวมุมสูงที่ระดับ 1,321 เมตรจากระดับน้ำทะเล

โดยด้านซ้ายเป็นวิวทะเลสาบเบรียนซ์ (Brienz) ส่วนด้านขวาเป็นทะเลสาบทูน (Thun) ที่ถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขาสูงตระหง่านอย่างไอเกอร์ (Eiger) เมินช์ (Mönch) และภูเขาจุงเฟรา (Jungfrau) การขึ้นไปยังยอดเขาฮาร์เดอร์ คุล์มนั้นต้องนั่งรถรางจากสถานี Harder Bahn ขึ้นไปประมาณ 10 นาที ผ่านเส้นทางที่มีความชันถึง 64 องศา

ไฮไลท์และกิจกรรมบนยอดเขาฮาร์เดอร์ คุล์ม

ดื่มด่ำกับทัศนียภาพที่สวยงามของเมืองอินเทอร์ลาเคนขณะที่รถรางไต่ระดับขึ้นสู่ยอดเขา

ชมวิวของทะเลสาบเบรียนซ์ (Brienz) ทะเลสาบทูน (Thun)  และวิวของสามเทือกเขาอันยิ่งใหญ่ ได้แก่ ไอเกอร์ (Eiger) เมินช์ (Mönch) และจุงฟรา (Jungfrau) จากสะพานชมวิวริมหน้าผา

รับประทานอาหารพร้อมชมวิวสุดอลังการ ณ ร้านอาหาร Harder Kulm Panorama

 

8.ยอดเขาพิลาตุส (Pilatus Kulm)

ยอดเขาพิลาตุสหรือภูเขามังกร โดยสาเหตุที่เรียกกันว่าเขามังกร เนื่องจากมีตำนานเล่าขานต่อ ๆ กันมา คือ ในปี ค.ศ. 1421 ชาวนาคนหนึ่งได้เห็นมังกรยักษ์บินจากยอดเขาริกิไปยังยอดเขาพิลาตุส และปล่อยหินมังกรลงมาจากท้องฟ้าสู่ยอดเขา ซึ่งในปัจจุบันเชื่อกันว่าคือหินอุกกาบาต และเชื่อกันว่าหินก้อนนี้สามารถรักษาโรคต่าง ๆ ได้ ตลอดศตวรรษที่ 15 และ 16 มักจะมีผู้พบเห็นว่ามีมังกรว่ายน้ำอยู่ใต้สะพานข้ามแม่น้ำรอยส์ในเมืองลูเซิร์นอยู่เสมอ

ยอดเขาแห่งนี้มีความสูง 2,132 เมตรจากระดับน้ำทะเล ตั้งอยู่ในเขตเมืองลูเซิร์น การเดินทางขึ้นยอดเขาพิลาตุสมี 2 เส้นทาง คือ นั่งกระเช้าไฟฟ้า และนั่งรถไฟฟันเฟือง (Cogwheel Railway) รถไฟไต่เขาที่สูงชันที่สุดในโลก มีความชันถึง 45 องศา ทำให้การนั่งรถไฟขึ้นสู่ยอดเขาพิลาตุสนั้นมีความตื่นเต้น ด้วยระยะทางทั้งสิ้น 4,618 เมตร

ไฮไลท์และกิจกรรมบนยอดเขาพิลาตุส

นั่งรถไฟฟันเฟืองที่สูงชันที่สุดในโลก ชมวิวเขาและธรรมชาติระหว่างทาง และที่พลาดไม่ได้เลยคือ วิวทะเลสาบลูเซิร์นจากบนยอดเขา

กิจกรรมผจญภัย ณ สถานีกระเช้าลอยฟ้า Fräkmüntegg เช่น ไต่เชือก โรยตัว โหนสลิง ปีนเขา ปั่นจักรยาน

 

สภาพอากาศในแต่ละฤดูกาลของสวิตเซอร์แลนด์

ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – พฤษภาคม) มีอุณหภูมิประมาณ 3-17 องศาเซลเซียส อากาศเย็นสบาย ธรรมชาติสวยงามด้วยทุ่งหญ้าสีเขียวขจี ต้นไม้เขียวชอุ่ม ดอกไม้ออกดอกบานสะพรั่งสวยงาม โดยดอกไม้ใบไม้บนพื้นที่ราบจะผลิใบเร็วกว่าพื้นที่ภูเขา เป็นฤดูที่มาพร้อมบรรยากาศสวยงามกว่าฤดูใด แต่หากขึ้นไปบนภูเขาสูงจะมีหิมะปกคลุม และอุณหภูมิติดลบ

ฤดูร้อน (พฤษภาคม – กลางกันยายน) ฤดูร้อนของสวิตเซอร์แลนด์จะมีอุณหภูมิที่ไม่สูง อากาศไม่ร้อนมากเกินไป อุณหภูมิโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 18-28 องศาเซลเซียส และพระอาทิตย์ยังตกช้า ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมทำกิจกรรมกลางแจ้งและเดินป่า แต่ในเขตเทือกเขาสูงอย่างบริเวณเทือกเขาแอลป์จะยังมีหิมะปกคลุมอยู่

ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – พฤศจิกายน) มีอากาศเย็นสบายและโรแมนติก ต้นไม้ใบไม้ต่าง ๆ จะเปลี่ยนสีเป็นโทนสีเหลืองทอง ส้ม แดง มีอุณหภูมิประมาณ 8-15 องศาเซลเซียส เป็นช่วงที่อากาศค่อนข้างแปรปรวนและมีฝนตกมากกว่าฤดูอื่น ๆ

ฤดูหนาว (พฤศจิกายน – มีนาคม) อากาศจะเริ่มเย็น ช่วงกลางเดือนธันวาคมจนถึงปลายมกราคมอากาศจะหนาวจัด อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ -3 ถึง 6 องศาเซลเซียส แต่ในเขตเทือกเขาสูงอุณหภูมิอาจติดลบถึง -10 องศา นอกจากนี้ยังเป็นช่วงหิมะตกทำให้พื้นที่ต่าง ๆ ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลนโดยเฉพาะบริเวณเทือกเขาสูง ซึ่งฤดูหนาวเป็นฤดูที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์มากที่สุด

 

นอกจากยอดเขาสวยๆ ที่น้องวีอาร์นำมาให้พี่ ๆ ชมแล้ว สวิตเซอร์แลนด์ ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลากหลายที่รอให้มีคนไปเยี่ยมชมและเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ พร้อมกัน

หากพี่ ๆ คิดจะไป สวิตเซอร์แลนด์ เมื่อไหร่ก็อย่าลืมคิดถึงน้องวีอาร์กันนะคะ

Line : @tourddtooktook

☎โทร: 02-010-8840 สายด่วน: 091-739-6939 / 093-950-0020

เว็บไซต์:  https://www.we-rworldtour.com/

Facebook:  https://www.facebook.com/werworldtour

❤️🧡💛💚💙💜🖤❤️🧡💛💚💙💜🖤❤️🧡💛💚💙💜🖤❤️🧡💛💚💙💜🖤❤️🧡💛💚💙💜

ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆ จาก : shutterstock