🌻 เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก กับ 5 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด

เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก กับ 5 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด

เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สร้างโดยพระเจ้าซาร์ปีเตอร์มหาราช เมื่อ พ.ศ. 2246 โดยตัวเมืองเริ่มสร้างด้วยการถมทรายและหินเป็นจำนวนมากเพราะว่าพื้นที่เดิมของเมืองนั้น
เป็นดินเลนของทะเล พระองค์ทรงเลือกที่จะสร้างเมืองที่บริเวณนี้เพราะว่าตัวเมืองมีทางออกทะเลบอลติกและสามารถติดต่อไปทางยุโรปและประเทศอื่นๆได้ง่าย
เพื่อการปฏิรูปรัสเซียให้ทัดเทียมกับประเทศอื่น ๆ ในยุโรปได้โดยง่าย ต่อมาเมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์กจึงได้รับสมญานามว่าหน้าต่างแห่งยุโรป และได้เป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิรัสเซีย
เป็นเวลา 206 ปี (หลังจากนั้นได้ย้ายเมืองหลวงไปที่มอสโกเมื่อ พ.ศ. 2461) ชื่อเดิมของเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กคือ เปโตรกราด

 

 

โบสถ์หยดเลือด (Church of the Saviour on the Blood)

พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 3 ทรงดำริให้สร้าง “โบสถ์หยดเลือด” ในปี 1883 เพื่ออุทิศถวายแด่ “พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 2”
พระบิดาซึ่งถูกลอบปลงพระชนม์ไปเมื่อ 2 ปีก่อนหน้านี้ และยังใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา โดยไม่ทรงลืมที่จะกำชับให้
ออกแบบตัวอาคารโบสถ์ให้สวยงามซึ่งวิหารเซนต์บาซิลเป็นต้นแบบ แม้ทุกวันนี้จะมีบางส่วนสึกกร่อนไปบ้างตามกาลเวลา แต่ก็ยังถือว่า
โบสถ์หยดเลือดมีความสวยงามเพราะได้รับการบูรณะอยุ่เรื่อยๆ ส่วนเติมต่อให้ชิ้นโมเสกเก่าที่บอกเล่าเรื่องราวทางศาสนายังคงสีสันสดใสน่ามอง
ไม่เปลี่ยนแปลงทำให้โบสถ์แห่งนี้เป็นศูนย์รวมนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน

 

                

พระราชวังฤดูหนาว, พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจ (Winter Palace)

พระราชวังฤดูหนาว ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี 1762 เพื่อให้ “พระนางแคทเธอลีนที่ 3” ทรงใช้เป็นสถานที่เก็บงานศิลปะที่พระนางโปรด
ซึ่งมีมากกว่าถึง 3,000,000 ชิ้น และปัจจุบันกลายเป็นงานศิลปะชื่อดังระดับโลก ราคาสูงลิบอยู่หลายชิ้นด้วย
มีทั้งงานเขียน งานปั้น งานแกะสลัก หนังสือเก่าพระนางไล่เก็บมาตั้งแต่งานในยุคอียิปต์โบราณจนถึงช่วงต้นศตวรรษที่ 20

พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจเป็นเหมือนแกลอรี่ชมงานศิลปะระดับปรมาจารย์อย่าง ลีโอนาร์โด ดา วินชี,แวนโก๊ะ,ไมเคิล แองเจโล,มาติสโกแกง
และอีกมากมาย เล่ากันว่าด้วยเหตุที่โปรดงานศิลปะทำให้พระนางแคทเธอลีนที่ 3 ทรงเก็บสะสมและหาซื้องานจากแหล่งต่างๆ
มาเก็บรวบรวมไว้ทอดพระเนตรให้สบายพระทัย โดยเฉพาะชิ้นที่ทรงโปรดซึ่งมีอยู่ราว 3,000 ภาพก็ว่ากันว่าปัจจุบันประเมินราคาไม่ได้
เพราะทรงคุณค่าอย่างที่สุด พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิจเทจเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ตั้งแต่ปี 1852 เพราะหลักการปฎิวัติเปลี่ยนแปลง
การปกครองรัฐบาลรัสเซียทำการขยายต่อเติมพระราชวังแห่งนี้ให้กว้างขึ้นเพื่อแยกพื้นที่สำหรับการเก็บรักษางานศิลปะทั้งหมด
ที่ตกเป็นสมบัติให้เข้าเป็นหมวดหมู่เดินชมได้ง่าย

 

 

พระราชวังฤดูร้อน

จากพระราชวังฤดูหนาวเราย้ายมาที่ “พระราชวังฤดูร้อน” หรือ “Peterhof” ผลงานในดำริของพระเจ้าปีเตอร์มหาราช
ที่ทรงเล็งเห็นทำเลงามๆ ริมทะเลบอลติกสำหรับประทับพักผ่อนในช่วงฤดูร้อนจึงทรงจัดให้เป็นที่ตั้งของพระราชวังปีเตอร์ฮอฟ
ตั่งแต่ปี 1705 และทรงมีราชประสงค์ให้พระราชวังแห่งนี้สวยงามยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าพระราชวังแวร์ซายส์แห่งฝรั่งเศสเพื่อแสดงออก
ถึงคงามรุ่งเรืองร่ำรวยของรัสเซียในยุคนั้น ชมแล้วลองพิจจารณาดูกันเองว่าปีเตอร์ฮอฟสู้แวร์ซายส์ได้หรือไม่

วิศวกรและสถาปนิกชื่อดังฝีมือดีจำนวนมากถูกเกณฑ์มารับงานออกแบบพระราชวังแห่งนี้มากมาย ค่อยๆ ก่อร่างสร้างขึ้นมาให้เห็นความอลังการ
กันทีละนิด เลือกใช้สถาปัตยกรรมแบบบารอกและนีโอคลาสสิกสร้างตัวอาคารพระราชวังรวมถึงห้องต่างๆ โดยเฉพาะท้องพระโรงและพื้นที่
จัดเลี้ยงสำหรับการต้อนรับอาคันตุกะจะยิ่งสวยงามสมฐานะมาก ส่วนพื้นที่ด้านนอกจัดเป็นอุทยานที่เต็มไปด้วยพรรณไม้ ประติมากรรม
แอ่งน้ำพุทองเหลืองและงานแกะสลักรูปปั้นอีกมากกว่า 300 ชิ้นทั่วพื้นที่ อลังการแค่ไหน ต้องถามใจตัวเองดูเมื่อชมส่วนที่โดดเด่นและ
เป็นไฮไลท์มากที่สุดคือ วังใหญ่ “Grand Palace” และในส่วนของตอนบนของ Grand Gascade มีน้ำพุอลังการ เปรียบเสมือน
ฉากบนสรวงสวรรค์เลยทีเดียว

น้ำพุเปิดแค่ในช่วงฤดูร้อน เริ่มตั่งแต่ 1 พฤษภาคม – กันยายน หรือต้นเดือนตุลาคมของทุกปี เวลาทำการ 10.30 น. – 18.00 น. หยุดทุกวันจันทร์

 

 

ป้อมปีเตอร์แอนด์ปอล (Peter and Paul Fortress)

แต่ก่อนพรเจ้าปีเตอร์มหาราชจะโปรดให้สร้างพระราชวังปีเตอร์ฮอฟขึ้นนั้นต้องถือว่า ป้อมปีเตอร์แอนปอล
ถูกสร้างขึ้นก่อน และยังถือเป็นสิ่งก่อสร้างชิ้นแรกในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเพราะสร้างขึ้นก่อนใครตั่งแต่ปี 1703
เพื่อประโยชน์ในการป้องกันศัตรูและก็เลยตั้งชื่อป้อมแห่งนี้ตามชื่อของนักบุณปีเตอร์และนักบุญปอลผู้เป็นสาวกแห่งพระผู้เป็นเจ้า

ป้อมปีเตอร์แอด์ปอลที่เห็นสูงถึง 122.5 เมตรนั้นใช้เวลาสร้างนานประมาณ 40 วัน และมีการขยับขยายเพิ่มเติมในปี 1706
ส่วนที่เพิ่มเข้ามาคือพื้นที่ของเรือนจำสำหรับคุมขังนักโทษการเมืองและก็มีโอกาสได้ต้อนรับนักโทษการเมืองชื่อดังอยู่หลายคน
โดยเฉพาะพระโอรสองค์โตของพระเจ้าปีเตอร์มหาราชพระนามว่า “ซาร์เรวิช อเล็กซิส” ก็ยังได้รับเกียรตินี้ด้วยข้อหาหนักเอาการ
นั่นคือก่อกบฏและคิดลอบปลงพระชนม์พระบิดาตัวเอง พระบิดาจึงทรงยกตำแหน่งนักโทษกิตมศักดิ์ให้พระโอรสก่อนจะสิ้นพระชนม์
อยู่ในเรือนจำแห่งนี้ในเวลาต่อมา ท้ายสุดป้อมแห่งนี้ถูกจัดให้เป็นส่วนหนึ่งเป็นสุสานหลวงบรรจุพระศพพระเจ้าปีเตอร์มหาราชในวาระ
สุดท้าย
แห่งพระชนม์ชะและก็ยังเป็นสถานที่บรรจุพระศพของกษัตริย์และราชินีแห่งโรมานอฟอีกหลายพระองค์

 

 

มหาวิหารเซนต์ไอแซค (Siant Isaac’s Cathedral)

พระราชวังและวิหารหลายแห่งที่เราได้ชมมาแล้วทั่วเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กส่วนใหญ่จะอลังการสวยงามไม่ต่างกัน
ที่นี่ก็เช่นกัน “มหาวิหารเซนต์ไอแซค” (Siant Isaac’s Cathedral) หรูหราไม่น้อยไปกว่าใคร และถือเป็นมหาวิหาร
ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก ซึ่งนอกจากเรื่องของขนาดแล้วความสวยงามยังมาแบบจัดเต็มทั้งที่ก่อนนี้ในอดีต
ที่นี่เคยเป็นเพียงโบสถ์ไม้เก่าหลังเล็กๆ เท่านั้น  หลังผ่านการบูรณะต่อเติมเสริมขนาดเพิ่มเข้ามามหาวิหารเซนต์ไอแซค
ก็กลายเป็นมหาวิหารหลังใหญ่โต มียอดโดมสีทอง 100 กิโลกรัม สวยงามและยิ่งใหญ่มาก ความอลังการที่ดูจะเป็นไฮไลท์
น่าจะอยู่ที่อาคารหลังใหญ่ที่มีเสาหินแกรนิตขนาดมโหฬารจำนวน 48 ต้นที่ทุกต้นสูงราว 20 เมตรและมีน้ำหนักต้นละ
ประมาณ 114 ตัน ซึ่งเป็นจุดดึงดูดให้นักท่องเที่ยวแวะมาชมกันอยู่ตลอดทุกวัน

 

สนใจทัวร์ รัสเซีย เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ติดต่อเราได่ที่นี่ …

Line : @tourddtooktook

☎โทร: 02-010-8840

สายด่วน: 091-739-6939 พี่หวิน // สายด่วน: 090-894-3331

เว็บไซต์:  https://www.we-rworldtour.com/

Facebook:  https://www.facebook.com/werworldtour/

❤️🧡💛💚💙💜🖤❤️🧡💛💚💙💜🖤❤️🧡💛💚💙💜🖤❤️🧡💛💚💙💜🖤❤️🧡💛💚💙💜

ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆ จาก : shutterstock