🌻 เที่ยวสุดฮิป…ที่เวียดน๊าม เวียดนาม
เที่ยวสุดฮิป… ที่เวียดน๊าม เวียดนาม
ประเทศ เวียดนาม จัดเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีสถาปัตยกรรมสวยงาม รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวที่มีความงามมาจากแหล่งธรรมชาติ
ที่เกิดจากภูมิประเทศที่มีความแตกต่างกันระหว่างเวียดนามเหนือและเวียดนามใต้ แถมยังมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง ถูกยก
ให้เป็นมรดกโลก ซึ่งเวียดนามดูเหมือนจะเป็นเมืองเล็กๆ แต่ในความจริงนั้นเวียดนามมีความงดงามทั้งทางธรรมชาติและสถานที่
ท่องเที่ยวสำคัญๆมากมาย จึงทำให้นักท่องเที่ยวอยากจะเดินทางเข้ามาสัมผัสกับแหล่งท่องเที่ยว รวมถึงวิถีชีวิตของชาวเวียดนาม
ที่มีการผสมผสานวัฒนธรรมเก่าและใหม่เข้าด้วยกัน สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม จึงเป็นดินแดนเอเชียในคราบอารยธรรมสไตล์
ยุโรป จึงกลายเป็นเมืองแห่งแลนด์มาร์คสุดฮิป มีความเป็นมินอลมอล คงความเรียบง่ายแต่ยังคงเสน่ห์
บาน่าฮิลล์ ดานัง (Bana Hill, Danang) “Ba Na Hills” เมืองดานังแห่งนี้ ถือเป็นที่พักตากอากาศดีที่สุดของเวียดนาม และ
เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่นิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งด้วย อยู่ห่างจากตัวเมือง ประมาณ 40 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวนิยมนั่ง
กระเช้าเพื่อชมความสวยงามของธรรมชาติระหว่างทางไปเทือกเขาบาน่า โดยกระเช้าของที่นี่ได้รางวัล Guinness World Records
ว่าเป็นกระเช้าที่ยาวที่สุดถึง 5,042 เมตร (ไม่หยุดระหว่างทาง) และกระเช้าที่สูงที่สุด 1,291 เมตร ด้านบนมีทั้งโรงแรม ร้านค้า
ร้านอาหาร สปาร์ บาร์ สวนสนุก วัด สวนดอกไม้ พูดง่ายๆ ก็เป็นเมืองเมืองนึงนั่นเองโดยสิ่งก่อสร้าง ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหมู่บ้าน
ของฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 19
สะพานสีทอง (Golden Bridge) สะพานนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้เกิดภาพมือยักษ์ใหญ่ของพระเจ้ากำลังดึงเส้นแถบสีทอง
ออกมาจากพื้นดิน ซึ่งชื่อจริงๆ ในภาษาเวียดนามของสะพานแห่งนี้ คือ “Cau Vang” สะพานสีเหลืองทองนี้มีระยะทางยาว
150 เมตรและสูงจากระดับน้ำทะเล 1,000 เมตร ท่ามกลางผืนป่าสีเขียวชอุ่ม ถ้าสังเกตดีๆ ประติมากรรมมือขนาดยักษ์ 2 ข้าง
ที่ทำจากหินนี้ กำลังคอยประคองสะพานเส้นนี้ไว้เปรียบได้กับ “เส้นด้ายสีทองที่กำลังทอดอยู่บนพระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้า”
เมื่อภาพจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวเวียดนามและต่างชาติ ถูกเผยแพร่ไปบนโลกออนไลน์ก็กลายเป็นที่ฮือฮาและกลายเป็นกระแส
ไวรัลถึงความสวยงามของสะพานสีทองแห่งนี้ทันที เพราะหากยืนอยู่ด้านบนสะพานจะได้สัมผัสวิวทิวทัศน์ระดับดาวล้านดวงที่
เบื้องล่างคือเมืองดานังทั้งเมือง
พระราชวังเว้ (Complex of Hue Monuments) พระราชวังเมืองเว้หรือวังไดโน้ย (Dai Noi Palace) ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี 2536
เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมืองเว้ และเคยเป็นที่ประทับของจักรพรรดิในราชวงศ์เหงียนทุกพระองค์ตลอดระยะเวลา146 ปี ตั้งแต่พ.ศ. 2345
จนถึง 2491 วังไดโน้ยหรือพระราชวังเมืองเว้ ได้รับความเสียหายมาหลายครั้ง เช่น ถูกทำลายจากสมัยสงครามฝรั่งเศส ถูกปลวกกิน ถูกไฟใหม้
ถูกพายุ และถูกทำลายจากสงครามเวียดนาม ในช่วงสงครามเวียดนามระบอบกษัตริย์ถูกยกเลิก จักรพรรดิ์บ่าวได๋เสด็จลี้ภัยอยู่ที่ฝรั่งเศส ทำให้พระ
ราชวังถูกทิ้งร้างมาเป็นเวลานาน จนชาวบ้านเข้าไปทำนา เลี้ยงสัตว์ เนื่องจากมีพิ้นที่ถึง 1200 ไร่ หลังจากเวียดนามเปลี่ยนการปกครองแบบคอม –
มิวนิสต์มาเป็นประชาธิปไตย (ในนามของพรรคคอมมิวนิสต์) พร้อมกับเปิดประเทศเพื่อทำมาค้าขายเช่นเดียวกับประเทศจีนในสมัยอดีตนายก
เติ้ง เสี่ยวผิง เป็นผู้นำ ประเทศเวียดนามจึงได้พัฒนามาตามลำดับต่อมาองค์การยูเนสโก้ได้ประกาศให้พระราชวังเมืองเว้ ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี 2536
อ่าวฮาลอง (Ha Long Bay) ภาษาเวียดนามเรียกว่า “Vinh Ha Long” หมายถึง “อ่าวแห่งมังกรผู้ดำดิ่ง” ตำนานพื้นบ้านกล่าวไว้ว่า
ในอดีตนานมาแล้ว ระหว่างที่ชาวเวียดนามกำลังต่อสู้กับกองทัพชาวจีนผู้รุกราน เทพเจ้าได้ส่งกองทัพมังกรลงมาช่วยปกป้องแผ่นดิน
เวียดนาม มังกรเหล่านี้ได้ดำดิ่งลงสู่ท้องทะเลบริเวณที่เป็นอ่าวฮาลองในปัจจุบัน ทำให้มีอัญมณีและหยกพุ่งกระเด็นออกมากลายเป็น
เกาะแก่งน้อยใหญ่กระจายอยู่ทั่วอ่าวเป็นเกราะป้องกันผู้รุกราน ทำให้ชาวเวียดนามปกป้องแผ่นดินได้สำเร็จ และก่อตั้งประเทศ ซึ่งต่อ
มาคือเวียดนามในปัจจุบัน บางตำนานก็กล่าวไว้ว่ามีสัตว์ในตำนานที่ชื่อว่า Tarasque อาศัยอยู่ที่ก้นอ่าวบริเวณอีกด้วย ด้วยความสวย
งามและความสมบูรณ์ทางธรรมชาติ ของอ่าวฮาลอง ทำให้ที่นี่ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติจากองค์กรยูเนสโกในปี 2537
วัดเจดีย์เทียนมู่ (Thien Mu Pagoda) หรือคนไทยเรียกอีกชื่อนึงว่า วัดเทพธิดารามเจดีย์เทียนมู่ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำหอม
เมืองเว้ เมืองมรดกโลกแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม มีความสำคัญและสวยงามควรค่าแก่การเยี่ยมเยือนอย่างมาก
ทั้งในแง่ของพุทธศาสถานและพุทธศิลปเป็นเจดีย์ทรงเก๋ง 8 เหลี่ยม สูง 7 ชั้น เชื่อว่าเป็นตัวแทนภพชาติต่างๆ ของพระ
พุทธเจ้า ทางด้านซ้าย-ขวา เป็นที่ตั้งของศิลาจารึก ระฆังสำริดขนาดใหญ่หนักถึง 3,285 กิโลกรัม ที่ประตูทางเข้าสู่บริเวณ
ภายในวัด มีรูปปั้นเทพเจ้า 6 องค์ คอยยืนปกปักษ์รักษาไม่ให้ความชั่วร้ายผ่านเข้ามา
ในแง่ของประวัติศาสตร์ทางการเมือง และศาสนา วัดแห่งนี้ ถือเป็นพุทธสถาน ที่มีความสำคัญมาก ในแง่ของการเป็นจุด
รวมพลของชาวเวียดนามที่นับถือศาสนาพุทธที่ไม่พอใจรัฐบาลโงดินห์เดียม ที่มีพฤติกรรมฉ้อราษฎร์บังหลวง สั่งทำลาย
และสั่งทำร้ายผู้นับถือศาสนาพุทธ แต่คณะรัฐบาลไม่ได้ให้ความสนใจใยดี จึงสั่งกวาดล้างพระสงฆ์หนักขึ้น จึงมีพระรูปอื่น
เผาตัวเองประท้วงอีกหลายรูป แต่การเรียกร้องครั้งนั้น ก็ได้จุดชนวนให้กลุ่มทหารผู้นับถึงพุทธลุกขึ้นต่อต้านรัฐบาล หลัง
จากเหตุการณ์ทุกอย่างสงบลง รถออสตินคันสีฟ้าที่พระภิกษุ ทิจ กวาง ดึ๊ก ใช้เป็นพาหนะขับไปจอดที่กลางกรุงไซ่งอน
ในวันที่ท่านเผาตัวเองพร้อมทั้งเถ้าถ่านและหัวใจของท่าน ถูกนำมาเก็บไว้ในสถูปทองคำ วัดเทียนมู่ จนถึงปัจจุบัน
เรือตะกร้า (Basket Boat) กิจกรรมที่ห้ามพลาดเลยก็คือการนั่ง “เรือตะกร้า” เรือไม่ไผ่ รูปทรงคล้ายกะลามะพร้าว
ตัวเรือเบามาก ดูโคลงเคลงและพายยากมากการพายต้องใช้ความชำนาญเราสามารถไปนั่งเรือแบบนี้ได้ที่บริเวณ แม่น้ำ
Thu Bon และแถวชายหาดของดานัง เรือตะกร้านี่เป็นเหมือน Signature ของเวียดนาม Basket boat ถือเป็นกิจกรรมที่
เป็นเอกลักษณ์ของเวียดนามกลางที่ใครไปเที่ยว “ดานัง” และ “ฮอยอัน” ไม่ควรพลาด
Line : @tourddtooktook
โทร: 02-010-8840
สายด่วน: 091-739-6939 พี่หวิน // สายด่วน: 090-894-3331
เว็บไซต์: https://www.we-rworldtour.com/
Facebook: https://www.facebook.com/werworldtour/
ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆ จาก : shutterstock