เวียดนามกลาง

พระราชวังเว้

พระราชวังเว้ พระราชวังของเวียดนามที่ได้รับอิทธิพลมาจากพระราชวังต้องห้าม ที่ปักกิ่ง พระราชวังแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตามแบบแผนความเชื่อของจีน ได้รับการออกแบบให้มีกำแพงล้อมรอบถึง 3 ชั้น โดยกำแพงชั้นนอกเข้าไปจะได้พบกับ ซุนทานกง หรือ ปืนใหญ่ 9 เทพเจ้า ถัดมาคือกำแพงเหลือง ซึ่งเป็นกำแพงชั้นกลางที่ล้อมรอบนครของจักรพรรดิ พระราชวัง วัด ในส่วนนี้มีประตูทางเข้าที่ตกแต่งอย่างสวยงาม 4 ประตู ถ้าผ่านลอดประตูชั้นที่สอง โดยข้ามสะพานน้ำทอง ซึ่งเคยถูกสงวนไว้เฉพาะจักรพรรดิเท่านั้น จะเจอกับพระราชวังไทเฮา อันเป็นวังที่สำคัญที่สุดในนครจักรพรรดิ ใช้สำหรับต้อนรับเชื้อพระวงศ์ระดับสูง และนักการทูตต่างประเทศ ภายในกำแพงแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับขุนนางหลายคน ส่วนในสุดของนครจักรพรรดิ คือ ตือกามแทงห์ หรือนครต้องห้ามของจักรพรรดิ ที่ถูกจัดไว้เฉพาะจักรพรรดิและเชื้อพระวงศ์

สุสานของพระเจ้าไคดิงห์

เป็นสุสานที่มีการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมตะวันออกร่วมกับสถาปัตยกรรมตะวันตก สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ใช้เวลาสร้างนานถึง 11 ปี ถูกสร้างในสมัยจักรพรรดิไคดิงห์ เพื่อใช้เป็นสุสานของพระองค์ ภายในมีการตกแต่งด้วยการใช้กระเบื้องสีปูพื้นจิตรกรรมฝาผนังภาพ มังกรในม่านเมฆขนาดใหญ่ที่วาดโดยใช้ศิลปินที่เขียนภาพด้วยเท้า ประดับอยู่บนเพดานกลางห้องโถง เป็นสถาปัตยกรรมที่สุดแปลกที่ไปเวียดนามแล้วห้ามพลาด

อุโมงค์หวิงห์ม็อก

เป็นอุโมงค์ใต้ดินเพื่อใช้หลบภัยจากการทิ้งระเบิดในสมัยสงครามเวียดนาม นับเป็นอุโมงค์ใต้ดินที่คนทั้งหมู่บ้านอาศัยอยู่เป็นเวลากว่า 5 ปี จากปี พ.ศ. 2509-2514 ถึงแม้คนจำนวนมากอพยพออกไปอาศัยในเมืองอื่นของประเทศ แต่ชาวบ้านบางส่วนก็ยังคงอาศัยอยู่ภายในอุโมง อุโมงค์แห่งที่มีความยาวกว่า 2,000 เมตร ภายในอุโมงค์แบ่งออกเป็น 3 ชั้น ทางเข้าออกมีทั้งหมด 13 ทาง แต่ละชั้นจะมีการสร้างเป็นห้องต่างๆ ทั้งซ้ายและขวา ทั้งห้อง นอน ห้องพยาบาล ห้องประชุม ห้องอาบน้ำ รวมทั้งบ่อน้ำดื่ม เป็นสถานที่ประวัติศาสตร์สำคํญของเวียดนามซึ่งผู้มาเยือนเมืองเว้ไม่ควรพลาด

สะพานมังกร

สะพานมังกร เป็นสัญลักษณ์ประจำดานัง เป็นสพานข้ามผ่านแม่น้ำฮาน แม่น้ำสายหลักสำคัญของดานัง สร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของดานัง รวมถึงเป็นการเฉลิมฉลองการครบรอบ 38 ปีที่เมืองดานังได้รับอิสรภาพ สะพานมังกร มีความยาว 666 เมตร ทุกๆวันศุกร์ และวันเสาร์ในเวลา 3 ทุ่ม จะมีการแสดงแสงสี น้ำพุสุดตระการตา เป็นแลนด์มาร์คอีกหนึ่งที่ของเมือง ดานัง

แม่น้ำทูโบน

แม่น้ำทูโบน แม่น้ำสายนี้มีความสำคัญตั้งแต่สมัยครั้งโบราณ อดีตฮอยอันเป็นเมืองที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพราะมีชาวต่างชาติล่องเรือเข้ามาทำการค้าขายที่เมืองแห่งนี้ ฮอยอันจึงกลายเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนวัฒธรรมตะวันออกและตะวันตก ต่อมาแม่น้ำเริ่มตื่นเขิน เรือสินค้าสัญจรไม่สาดวกและไม่สามารถจอดเทียบท่าได้ จึงย้ายศูนย์กลางไปที่เมืองดานังแทน แต่แม่น้ำแห่งนี้ก็ยังเป็นแม่น้ำสายหลักที่ไหลหล่อเลี้ยงชาวฮอยอันจนมาถึงปัจจุบัน การเที่ยวชมริมแม่น้ำทูโบนที่มีการเชื่อมต่อเวลาระหว่างอดีตกับปัจจุบันไว้ด้วยกันอย่าลงตัวจึงกลายเป็นเสน่ห์ของเมืองฮอยอัน

สะพานญี่ปุ่น

สะพานญี่ปุ่น ได้รับการก่อสร้างโดยชุมชนชาวญี่ปุ่นเมื่อ 400 กว่าปีที่แล้ว สะพานแห่งนี้สร้างขึ้น เพื่อแบ่งเขตที่กั้นชุมชนชาวญี่ปุ่นกับชาวจีนและใช้เป็นการเชื่อมต่อเส้นทางการค้าขายของทั้งสองฝั่ง เอกลักษณ์ของสะพานแห่งนี้คือมีหลังคาอยู่ด้านบน มีรูปปั้นสุนัขและลิงอยู่ที่เชิงสะพาน เชื่อกันว่าสะพานเริ่มสร้างเมื่อปีวอกและแล้วเสร็จในปีสุนัข ไม่ก็เชื่อกันว่าสุนัขและลิงเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ และสองฝั่งสะพานแห่งนี้ ท่านจะได้พบกับ ความแตกต่างของบ้านสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆและบ้านเก่าของชาวจีน และที่น่าสนใจ คือ บ้านเลขที่ 7 บ้านชาวจีนที่ย้ายถิ่นฐานมาตั้งรกรากที่เวียดนามเมื่อครั้งที่ในอดีตเรือสำเภามาค้าขายที่นี้ ที่นี้คือสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเมืองฮอยอันที่คุณไม่ควรพลาด