11 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวใน มอสโก ที่ไปเยือนรัสเซียแล้วไม่ควรพลาด!

11 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวใน มอสโก ที่ไปเยือนรัสเซียแล้วไม่ควรพลาด!

1.มอสโก มหาวิหารเซนต์ซาเวียร์ (Cathedral of Christ the Saviour)

            มหาวิหารเซนต์ซาเวียรที่อยู่ใน มอสโก หรือที่เรียกกันว่า “มหาวิหารโดมทอง” จากสัญลักษณ์โดมขนาดใหญ่สีทองอร่ามบนตัวมหาวิหารสีขาว และยังได้ชื่อว่าเป็นมหาวิหารที่สูงในโลกอีกด้วย ทั้งยังต้องใช้เวลาสร้างนานถึง 45 ปี พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 1 โปรดให้สร้างมหาวิหารเซนต์ซาเวียร์ขึ้นเพื่อถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าและยังเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะหลังจากที่รัสเซียรอดพ้นภัยในสงครามกับ “นโปเลียนแห่งฝรั่งเศส” (Napoleon Bonaparte) มาได้ อย่างไรก็ตามโดมทองที่เราเห็นอยู่นี้จริงๆ แล้วมีการสร้างขึ้นมาใหม่แทนของเก่า เพราะของเดิมผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ยุคนั้น “โจเซฟ สตาลิน” สั่งให้ทุบทิ้งไปเมื่อปี 1990 เพราะต้องการสร้างสิ่งอื่นๆทดแทน แต่ก็ไม่ได้สร้างอย่างที่ใจคิดเพราะติดในเรื่องงบประมาณ จนมาสร้างมหาวิหารกันใหม่ในทรงเดิมเมื่อปี 1994 ยุคของประธานธิปดี “บอริส เยลต์ซิน” ด้วยเงินบริจาคของชาวรัสเซียมหาวิหารเซนต์ซาเวียรจึงเกิดขึ้นใหม่อีกครั้งอย่างสวยงามในปี 2000

2.ถนนอารบัท (ARBAT STREET)

“ถนนอารบัต” ย่านถนนคนเดินที่ยาวที่สุดในมอสโกความยาวประมาณ 1 กิโลเมตรที่เป็นศูนย์รวมร้านค้า ร้านอาหารอร่อย ร้านกาแฟ ร้านสินค้าที่ระลึก ที่ถือเป็นหนึ่งจุดเด่นบนถนนสายนี้ก็คือมุมนั่งแสดงชิ้นงานศิลปะของศิลปินนัดวาดภาพเหมือนหรือภาพล้อเลียนทั้งหลายที่จะมีงานศิลปะวางขายให้เราได้เลือกซื้อด้วย

3.พระราชวังเครมลิน (Grand Kremlin Palace)

ในบรรดาสัญลักษณ์ความเป็นรัสเซียเราขอวาง “พระราชวังเครมลิน” ไว้อันดับต้นๆด้วยความเป็นพระราชวังที่มีอายุมากกว่า 850 ปีซึ่งสร้างในยุค “พระเจ้าอีวานที่ 3” และยิ่งใหญ่อยุ่บนพื้นที่ประมาณ 20,000 ตารางเมตรจนสามารถแบ่งเป็นห้องต่างๆ ได้มากถึง 700 ห้อง ด้านหน้าประตูทางเข้าประดับตราสัญลักษณ์รูปนกอินทรี 2 หัวที่สื่อ ความหมายถึงการเป็นดินแดน 2 ทวีปของรัสเซียคือด้านหนึ่งอยู่ในทวีปเอเชียและอีกด้านหนึ่งอยู่ในยุโรป

ก่อนนั้นในยุคแรกสร้างราวศตวรรษที่ 19 ด้วยเหตุที่ยังไม่มีอาคารหลังใดคู่ควรจะใช้เป็นที่ประทับของสมาชิกราชวงศ์ทั้งยังไม่มีสถานที่ที่คู่ควรสำหรับจัดพระราชพิธีราชาภิเษก ปี 1830 พระเจ้านิโคลัสที่ 1 จึงทรงตัดสินพระทัยสร้างพระราชวังขึ้นใหม่ภายใต้ข้อแม้ที่ว่าต้องให้พระราชวังหลังใหม่มีส่วนเชื่อมต่อกับ “ห้องโถงฟาเซ็ต” (Faceted Chamber) และพระราชวังเทเรม (Terem Palace) ซึ่งสร้างอยู่ก่อนแล้ว และพระราชวังหลังใหม่ในยุคนั้นมีชื่อเรียกว่า “พระราชวังนิโคลัสมหาราช” โดยใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 12 ปี จัดพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 22 สิงหาคม 1851 ซึ่งตรงตามกำหนดการวันเฉลิมฉลองการครองราชย์ครบ 25 ปีของพระเจ้านิโคลัสนั่นเอง และเรียกขานชื่อเครมลินกันในภายหลัง

เมื่อเดินชมภายนอกพระราชวังเครมลินเราจะพบกับปืนใหญ่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนโดยกินเนสบุ๊กให้เป็นปืนที่มีปากกระใหญ่ที่สุดในโลก และนี่คือ “ปืนใหญ่พระเจ้าซาร์” ที่มี “พระเจ้าซาร์ฟีโอดอร์ (Tsar Feodor) ดำริให้สร้างขึ้นในปี 1586 ด้วยจุดประสงค์หลักคือเพื่อให้เป็นปืนใหญ่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีจุดประสงค์รองลงมาคือเพื่อข่มขวัญประเทศอื่นให้เห็นถึงแสนยานุภาพทางการรบของรัสเซีย ปืนใหญ่หล่อด้วยโลหะบรอนซ์หล่อ มีเส้นผ่านศูนย์กลางด้านนอก 120 เซนติเมตร ด้านในกระบอกปืน 89 เซนติเมตร ลำกล้องปืนยาว 5.34 เมตร มีน้ำหนักรวมถึง 40 ตัน และใช้กระสุนที่มีน้ำหนักถึง 1 ตัน ต่อลูก ส่วนภายในพระราชวังยิ่งสวยงามด้วยการตกแต่งอย่างอลังการ เต็มไปด้วยแกะสลักสุดประณีตในทุกมุม โดยเฉพาะงานศิลปะล้ำค่าหลายชิ้นยังถูกเก็บรักษาไว้ที่นี่จนดูคล้ายแกลลอรี่ไปแล้ว

พระราชวังเครมลินใช้เป็นที่ประทับของกษัตริย์รัสเซียมาจนถึงยุคแห่งการปฎิวัติล้มล้างการปกครองเปลี่ยนไปเป็นคอมมิวนิสต์ซึ่งสถานที่แห่งนี้ก็ได้ถูกแปรไปเป็นที่ทำการรัฐบาลและพิพิธภัณฑ์ แต่ก็ยังเหลือส่วนของโบสถ์เก่าทีเปิดให้เข้าชมได้เพื่อขึ้นไปชมพระราชวังเก่าที่มีหอคอยและป้อมปราการป้องกันศัตรูยาวมากกว่า 2,000 เมตร ความเป็นที่สุดในโลกอีกชิ้นที่พระราชวังเครมลินคือ “ระฆังพระเจ้าซาร์” ระฆังที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ “พระนางซารีน่า” (Zarina) ทรงเป็นองค์ต้นคิดในการสร้าง และมีน้ำหนักรวม 200 ตัน เสียดายที่ในปี 1701 คนงานพลาดทำชิ้นระฆังกะเทาะจากการสาดน้ำดับไฟในเหตุการณ์เพลิงไหม้จนโลหะที่กำลังร้อนแตกออก ชิ้นส่วนที่แตกออกมานี้มีน้ำหนักถึง 11.5 ตัน และยังถูกเก็บรักษาไว้จนถึงทุกวันนี้ เวลาเปิดปิด 10.00 น. – 18.00 น. ปิดทุกวันพฤหัสบดี

 

 

4.โบสถ์อัสสัมชัน (Assumption Cathedral)

โบสถ์ไม้ที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอีวานที่ 3 แต่ต่อมามีการสร้างโบสถ์ที่ใหญ่กว่าครอบไว้อีกชั้นหนึ่งถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับจัดพิธีราชาภิเษกของกษัตริย์รัสเซียทุกพระองค์ ไม่เว้นแม้แต่ยุคหลังจากที่พระเจ้าปีเตอร์มหาราชได้ทรงย้ายเมืองหลวง จากมอสโกไปตั้งอยู่ยังเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กแล้ว แต่กษัตริย์พระองค์ถัดไปเมื่อจะทรงประกอบพิธีราชาภิเษกก็ยังต้องย้อนกลับมาที่โบสถ์แห่งนี้ บ่งบอกถึงความสำคัญของโบสถฺอัสสัมชันแห่งนี้เป็นอย่างดี ตัวอาคารโบสถ์อัสสัมชันแบ่งเป็น 5 ชั้น ดูสวยงามเกินกว่าจะเป็นโบสถ์ ถ้าได้ลองเข้าชมจะพบว่ามีการจัดแสดงงานศิลปะอยู่เยอะมาก แนะนำให้เดินชมภาพเขียนปูนเปียกหรือเฟรสโกและภาพไอคอนทุกภาพที่มีอยู่ซึ่งก็คือภาพที่เกี่ยวข้องกับศาสนาเพราะสวยงามและคุ้มค่ามากกับการได้ชมภาพเขียนโบราณที่ไม่ค่อยมีให้ชมมากนักในยุคนี้

 

5.พิพิธภัณฑ์อาร์เมอร์รี่แชมเบอร์ (State Armoury Museum)

               พิพิธภัณฑ์อาร์เมอร์รี่แชมเบอร์ คือพิพิธภัณฑ์ ที่เก่าแก่ที่สุดในรัสเซียและใช้เป็นสถานที่เก็บรักษาสมบัติชาติจากรุ่นสู่รุ่นไว้มากมายซึ่งน่าจะมากถึง 4,000 ชิ้น โดยเฉพาะฉลองพระองค์และเครื่องประดับสูงค่าของกษัตริย์และราชินีที่อลังการมากจริงๆ สวยงามและหาชมได้ยากจนอยากจะใช้เวลาอยู่ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ให้นานอย่างที่ใจต้องการ

ภายในพิพิธภัณฑ์ยังมีอัญมณีและอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ล้วนแต่เคยผ่านสมรภูมิรบมาแล้วแล้วจำพวกเสื้อเกราะชุดนักรบยังอยู่ในสภาพดีพอสมควรจากการดูแลรักษา เครื่องเงินเครื่องทองยิ่งมีมากสมกับความยิ่งใหญ่ร่ำรวยของรัสเซียแต่อดีต พื้นที่ในพิพิธภัณฑ์อาร์เมอร์รี่แชมเบอร์จะแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ ให้เราเลือกเดินชมข้าวของมีค่าที่จัดแสดงไว้เป็นหมวดหมู่ ถ้าเผื่อเวลาไว้สำหรับการชมอดีตภายในพิพิฑภัณฑ์แห่งนี้ไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมงได้จะยิ่งดีเพราะมีของเก่าใช้เยอะมาก

6.สแปร์โรว์ ฮิลล์ (Sparrow Hills)

สแปร์โรว์ ฮิลล์ หรือ เลนิน ฮิลล์ เป็นสถานที่ที่ เลนิน ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ชื่อดังของรัสเซียให้เป็นที่พักอาศัยในอดีต วลาดิเมียร์ เลนิน บุคคลผู้ที่มีบทบาทสำคัญมากต่อหน้าประวัติศาสตร์รัสเซียและหน้าประวัติศาสตร์โลก ประวัติชีวิตของผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์แห่งรัสเซีย ครั้งหนึ่งเขาเคยอยู่ที่นี่ “สแปร์โรว์ ฮิลล์” (Sparrow Hills) บ้านพักส่วนตัวที่เลนินเลือกทำด้วยตัวเองเพียงเพราะชื่นชอบในวิวสวยๆ ของเมืองที่จะมองเห็นได้ชัดเจนจากจุดที่ตั้งบ้านหลังนี้ ปัจจุบันคนที่จะขึ้นมาชมบ้านหลังเก่าของเลนินก็ชมกันไป ส่วนคนอีกกลุ่มหนึ่งก็มักเลือกใช้เป็นสถานที่จัดงานแต่งเพราะบรรยากาศดี สวยงามเหมาะแก่การ ถ่ายภาพเป็นที่ระลึก

 

7.รัสเซียเซอร์คัส (The Russian Circus)

            หลายคนอาจปฎิเสธการเข้าชมการแสดงละครสัตว์เพราะไม่เห็นด้วยกับการนำสัตว์ป่ามาฝึกซึ่งต้องการผ่านขั้นตอนการฝืนใจและบังคับทารุณ แต่สำหรับการรัสเซียเชอร์คัส ถือเป็นไฮไลท์ที่ไม่อยากให้พลาด เพราะไม่ได้มีแต่การแสดงความสามารถของสัตว์อย่างหมี ม้า เสือโคร่ง จากัวร์ เป็นต้น แต่ยังมีความตื่นเต้นชวนหวาดเสียวกับการแสดงกายกรรมผาดโผนซึ่งต้องเล่าว่าผาดโผนเสี่ยงตายที่สุดชนิดที่อาจจะอึ้งจนลืมกะพริบตาได้เลยทีเดียว

 

 

8.สถานีรถไฟใต้ดินมอสโก (Moscow Metro)

สถานีรถไฟใต้ดินมอสโก (Moscow Metro) เป็นจุดที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากที่สุด ความสวยงามในการออกแบบตกแต่งและประวัติความเป็นมาเพราะเป็นเส้นทางคมนาคมที่เกิดขึ้นในช่วงการบริหารประเทศของโจเซฟ สตาลิน เพื่อใช้เป็นเส้นทางขนส่งลำเลียงและเป็นพื้นที่หลบภัยจากกองกำลังทหารนาซีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากจบสงครามแล้ว เส้นทางรถไฟใต้ดินแห่งมอสโกก็ถูกใช้ประโยชน์เป็นเส้นทางสัญจรเชื่อมต่อไปยังเส้นทางอื่นๆ ทั่วประเทศ ความยาวของเส้นทางรถไฟใต้สินมอสโกประมาณ 260 กิโลเมตร 250 สถานี

 

9.จัตุรัสแดง (Red Square)

จัตุรัสแดง (Red Square) ขึ้นชื่อว่าสวยงามที่สุดในโลก รัสเซียคว้าการเป็นที่สุดในโลกของจัตุรัสกลางเมืองไว้ด้วยการนำหินแกรนิตและหินอ่อนรวมกว่าล้านชิ้น ปูพื้นทั่วจัตุรัสที่มีความกว้าง 695 เมตรและยาว 130 เมตร กลายเป็นจัตุรัสกลางเมืองที่ทั้งใหญ่และสวยงาม จัตุรัสแดงเป็นที่ตั้งหลักกิโลเมตรที่ศูนย์ของรัสเซียและเป็นสถานที่สำหรับจัดงานประจำปี งานคอนเสิร์ตศิลปินระดับโลกหรืองานเฉลิมฉลองใดๆ ก็ตามที่จะมีผู้คนพากันหลั่งไหลมาร่วมสนุก ไม่ก็จัดให้เป็นพื้นที่จัดงานออกร้านจำหน่ายสินค้า ซึ่งจริงๆ แล้วการใช้พื้นที่ของจัตุรัสแดงสำหรับการจัดงานต่างๆ นี้มีมาตั่งแต่ในยุคพระเจ้าอีวานที่ 3 แล้ว เพียงแต่ยุคนั้นจะเน้นใช้พื้นที่เพื่อการรวมพลประกาศข่าวสารบ้านเมืองให้ประชาชนได้ทราบโดยมีหลักฐานเหลือให้เราเห็นเป็นแท่นหินที่ว่ากันว่าเคยเป็นที่ประทับของกษัตริย์เมื่อทรงออกพบประชาชนที่มาเข้าเฝ้าบริเวณนี้

 

10.หอนาฬิกาซาวิเออร์ (Savior Tower)

หอนาฬิกาซาวิเออร์ (Savior Tower) เห็นอาคารทรงแหลมสูงก็ชัดเจนว่าเป็นอาคารศิลปะโกธิก หรี่ตามมองเหนือขึ้นไปบนยอดหอนาฬิกาจะเห็นว่ามีสัญลักษณ์ดาว 5 แฉกที่ทำจากทับทิมน้ำหนักถึง 20 ตันประดับอยู่บนนั้นตามความหมายของพรรคคอมมิวนิสต์ที่เป็นผู้นำสัญลักษณ์ดาวดวงนี้ประดับไว้เมื่อปี 1995 หอนาฬิกาซาวิเออร์ดูจะมีรูปแบบเอนเอียงไปคล้ายกันหอนาฬิกาบิ๊กเบนของอังกฤษอยู่เหมือนกัน เรื่องตลกที่เล่าสู่กันฟังมาตลอดระยะเวลาการมีอยู่ของหอฬิกาแห่งนี้คือเดิมทีนาฬิกาเรือนนี้เดินไม่ตรงเวลาเอาเสียเลย แต่เมื่อโดนล้อมากเข้าก็ต้องมีการปรับปรุงครั้งใหญ่ จนสุดท้ายหอนาฬิกาซาวิเออร์ก็กลายเป็นจุดบอกเวลาที่เที่ยงตรงที่สุด เลื่อนสถานะเป็นนาฬิกาเทียบเวลาที่มีความสำคัญมากของรัสเซียไปเลย

 

11.วิหารเซนต์บาซิล               

วิหารเซนต์บาซิล พระเจ้าอีวานที่ 4 ดำริให้สร้างเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการเฉลิมฉลองชัยชนะที่รัสเซียมีต่อมองโกลในปี 1555 แต่ก็มีพระราชประสงค์ให้เป็นสถานที่ที่สวยงามที่สุดในรูปแบบที่ไม่ซ้ำใครทรงมอบหมายให้สถาปนิกชาวรัสเซีย “โปสนิก ยาคอฟเลฟ” ออกแบบสร้าง และสามารถทำผลงานได้ดี พระเจ้าอีวานที่ 4 จึงประทานรางวัลด้วยการควักลูกตาของ ยาคอฟเลฟออก ทั้งสองข้างเพื่อเป็นประกันว่าชีวิตที่เหลือของสถาปนิกจะไม่ออกแบบอกคารแบบนี้ที่ใด การได้รับนามว่า “อีวานจอมโหด” ของผู้คนมีที่มาจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ วิหารเซนต์บาซิลสร้างเสร็จในปี 1651 เป็นอาคารที่มีโดมทรงหัวหอม 9 ยอดสูงลดหลั่นกันไปโดยยอดที่สูงที่สุดอยู่ที่ 47.5 เมตร ภายในส่วนใหญ่ตกแต่งด้วยภาพเขียนโบราณโดยเฉพาะบนเพดานวิหารซึ่งแต่ละภาพจะเน้นไปในด้านศาสนา ปัจจุบันรัฐบาลใช้เป็นสถานที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง

 

หากท่านใดสนใจอยากอ่านข้อมูลการท่องเที่ยวรัสเซียเมืองอื่นๆ คลิกได้ที่นี่เลยค่ะ

Line : @tourddtooktook

☎โทร: 02-010-8840

สายด่วน: 091-739-6939 พี่หวิน // สายด่วน: 090-894-3331

เว็บไซต์:  https://www.we-rworldtour.com/

Facebook:  https://www.facebook.com/werworldtour/

❤️🧡💛💚💙💜🖤❤️🧡💛💚💙💜🖤❤️🧡💛💚💙💜🖤❤️🧡💛💚💙💜🖤❤️🧡💛💚💙💜