เวียดนามกลาง เว้ ดานัง ฮอยอัน ที่คุณต้องหลงรัก

เวียดนามกลาง เว้ ดานัง ฮอยอัน

เวียดนามกลาง เว้ ดานัง ฮอยอัน ที่คุณต้องหลงรัก

เมื่อพูดถึงเวียดนามกลางไม่ว่าจะเป็นเมือง เว้ ดานัง และฮอยอัน ใครๆก็ต่างนึกถึงความเรียบง่ายและความสงบ แต่ในความเรียบง่ายนั้นก็มีสิ่งที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย นอกจากนี้ที่เวียดนามยังมีกิจกรรม และความสนุกสนานที่จะทำให้ทุกคนทั้งเพลิดเพลินและสบายใจไปในเวลาเดียวกัน

แล้วในวันนี้เวียดนามกลางมีความน่าสนใจอะไรบ้าง ไปดูกันเลย

อันดับแรกเรามาเริ่มต้นกันด้วยเมือง เว้ กันเลยค่ะ

เจดีย์เทียนมู่

เจดีย์เทียนมู่ เป็นเจดีย์ทรงเก๋ง 8 เหลี่ยม สูง 7 ชั้น เชื่อว่าเป็นตัวแทนภพชาติต่างๆ ของพระพุทธเจ้า ทางด้านซ้าย-ขวา เป็นที่ตั้งของศิลาจารึก ระฆังสำริดขนาดใหญ่ หนักถึง 3285 กิโลกรัม ที่ประตูทางเข้าสู่บริเวณภายในวัด มีรูปปั้นเทพเจ้า 6 องค์ คอยยืนปกปักษ์รักษาไม่ให้ความชั่วร้ายผ่านเข้ามา

สุสานของพระเจ้าไคดิงห์

สุสานของพระเจ้าไคดิงห์ ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 11 ปี ภายในมีการตกแต่งอย่างสวยงามด้วยการใช้กระเบื้องสีปูพื้น ทางซ้ายและขวาเป็นภาพเฟรสโกอันเต็มไปด้วยสีสันที่ตกแต่งด้วยการฝังกระจกสีและกระเบื้องนับพันชิ้น และ รูปปั้นสำริดขนาดเท่าองค์จริงของพระเจ้าไคดิงห์ ซึ่งสร้างที่ฝรั่งเสศในปี พ.ศ. 2465 ตั้งอยู่บนยกพื้นด้านบนของสุสาน

ประตูเฮียนยาน

ประตูเฮียนยาน Hien Nhon Gate อยู่ทางทิศตะวันออกของนครต้องห้าม เป็นประตูทางเข้าพระราชวังที่สวยที่สุด จาก 13 ประตู มีการประดับด้วยกระเบื้องเคลือบชิ้นเล็กๆ และปัจจุบันได้เปิดให้นักท่องเที่ยวได้รับชม และถ่ายรูปเพื่อเก็บภาพความทรงจำอีกด้วย

นครจักรพรรดิ หรือนครต้องห้าม

นครจักรพรรดิ หรือนครต้องห้าม อีกหนึ่งที่สำคัญในการเที่ยวเมืองเว้ ที่พลาดไม่ได้ เพราะว่าที่นี่ได้ตั้งอยู่ใจกลางเมือง และได้สร้างตามความเชื่อของจีน มีกำแพงล้อมรอบ 3 ชั้น ภายในจะมีเทพเจ้าถึง 9 องค์ คือ ตัวแทนธาตุทั้ง 5 คือ โลหะ ไฟ ไม้ น้ำ ดิน และ อีก 4 เทพเจ้าก็จะเป็นตัวแทน ของฤดูกาล ทั้ง 4 ฤดูใน 1 ปี

สุสานจักรพรรดิตือดึ๊ก

สุสานจักรพรรดิตือดึ๊ก (Tomb of Tu Duc) ใช้เวลาสร้าง 3 ปี เริ่มก่อสร้างเมื่อธันวา 1864 และเสร็จในปี 1867 ใช้แรงงานมากกว่า 3,000 คน ใช้พื้นที่โดยรวมประมาณ 12 ไร่ โดยที่ตัวสุสานจะมีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก ซึ่งตามบันทึกกล่าวว่าพระองค์ได้ทรงออกแบบเองเกือบทั้งสิ้น โดยที่จุดเด่นของสุสานนั้นก็คือ ตำหนัก 2 แห่ง รายล้อมไปด้วยดอกหัว ส่งกลิ่นหอมฟรุ้ง โดยพระองค์ชอบใช้สถานที่นี้ในการพักผ่อนหย่อนใจอีกด้วย

อุโมงค์หวิงห์ม็อก

อุโมงค์หวิงห์ม็อก ตั้งอยู่ห่างเมืองเว้ ทางด้านทิศเหนือราวๆ 65 กิโลเมตร ใช้ในการหลบภัยจากระเบิด ที่ระเบิดอย่างต่อเนื่องในสมัยสงครามเวียดนาม ภายในอุโมงค์มีความยาวกว่า 2 กิโลเมตร มีทางเข้าออก 13 ทาง โดยเมื่อสมัยก่อนมีชาวบ้านราวๆ 300 คนอาศัยอยู่ภายในอุโมงค์นี้ มาราวๆกว่า 5 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2509-2514

สะพานเหี่ยนเลือง

สะพานเหี่ยนเลือง (Hien Luong) เพื่อเชื่อมทางหลวงหมายเลขหนึ่งทั้งสองฝั่งแม่น้ำเบ๊นหายแทนสะพานเดิมเก่าแก่ อยู่ทางตอนเหนือของเมืองเว้ เป็นสะพานคอนกรีตขนาดใหญ่ เมื่อสมัยก่อน สะพานแห่งนี้ยังเคยเป็นจุดเชื่อมระหว่างเวียดนามเหนือและใต้ อีกด้วย

ดานัง

ภูเขาหินอ่อน 5 ลูก

ภูเขาหินอ่อน 5 ลูก ( Marble Mountains ) ประกอบด้วยเนินเขาน้อยใหญ่ 5 ลูก เป็นภูเขาหินอ่อนและหินปูนที่มีชื่อเสียงของเวียดนาม โดยที่ชาวเวียดนามเรียกว่า ภูเขาแห่งธาตุทั้ง 5 (น้ำ,ไฟ,ดิน,เหล็ก,ไม้) เมื่อเข้าไปภายในภูเขาแล้วก็จะพบกับ แท่นบูชา พระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ และเทพเจ้าองค์อื่นๆ ตามความเชื่อของชาวบ้าน อีกด้วย

วัดกาวได๋

วัดกาวได๋ ( Cao Dai Temple ) วัดแห่งนี้จะไม่เหมือนวัดทั่วไ เพราะว่าในวัดจะมีสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานความหลากหลายเข้าไว้ด้วยกัน และตกแต่งผนังโบสถ์ด้วยรูปปั้นของพระเยซู ขงจื้อ พระพุทธเจ้า พระพรหม พระศิวะ และพระวิษณุ โดยไฮไลท์อีกอย่างหนึ่งของวัดนี้นั่นก็คือ สัญลักษณ์ของวัด โดยจะเป็นลูกกลมที่ทำจากกระดาษระบายสีเป็นรูปดวงตา มีรัศมีของดวงอาทิตย์ล้อมรอบวางอยู่กลางแท่นบูชานั่นเอง

วัดกวางมินห์

วัดกวางมินห์ ( Quang Minh Temple ) ภายในวัดจะมีพระพุทธรูปสีขาว มีความสูงราวๆประมาณ 36 เมตร เป็นพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเวียดนามกลาง ในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนกันมาสักการะบูชาอย่างไม่ขาดสายเพื่อความเป็นสิริมงคล บรรยากาศนั้นค่อนข้างเงียบสงบ เหมาะแกะการพักผ่อนเป็นอย่างมาก

ปราสาทหมีเซิน

ปราสาทหมีเซิน ( My Son ) สร้างด้วยศิลปะจามโบราณในสมัยศตวรรษที่ 4 ใช้เป็นสถานที่สำหรับบูชาพระศิวะ ตามความเชื่อของศาสนาฮินดู เป็นโบราณสถานในจังหวัดกว๋างนาม ภาคกลางของเวียดนาม และได้แต่งตั้งขึ้นเป็นมรดกโลกอีกด้วย ตัวปราสาทอยู่ในพื้นที่ราบต่ำ มีภูเขาล้อมรอบ และมีเนื้อที่ประมาณ 2 ตารางกิโลเมตร เหมาะแกะการเยี่ยมชมและถ่ายภาพเป็นไว้เป็นความทรงจำ

บานาฮิลส์

บานาฮิลส์ ( Ba Na Hills ) อยู่ห่างจากเมืองดานังประมาณ 40 กิโลเมตร เป็นโรงแรมบนยอดเขา ใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองดานังประมาณ 40-50 นาที โดยไฮไลท์หลักๆของที่นี่นั่นก็คือ กระเช้า ที่มีความสูง และยังได้รับการบันทึกว่าเป็นกระเช้าที่มีเส้นทางยาวที่สุดในโลก 1,368 เมตร ถ้าหากนั่งกระเช้าก็จะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศ และวิวทิวทัศน์มุมสูงของเมือง และบางวันอาจจะได้ชมเมฆหมอกอีกด้วย

วัดลิ่งอึ้ง

วัดลิ่งอึ้ง ( Linh-Ung ) ห่างจากใจกลางเมืองดานังไปทางทิศตะวันออกประมาณ 14 กิโลเมตร เป็นวัดที่มีเจดีย์ใหญ่ที่สุดในเมืองดานัง นักท่องเที่ยวคนไหมที่มาเที่ยวที่นี่แล้วนอกจากจะได้ชมสถาปัตยกรรมทางศาสนา ซึ่งมี รูปปั้นพระอรหันต์เก่าแก่ รูปปั้นแกะสลักหินอ่อน และรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่ แล้ว ยังจะได้เดินชมบรรยากาศชายฝั่งทะเลอีกด้วย

ฮอยอัน

สะพานญี่ปุ่น

สะพานญี่ปุ่น ( Japanese Covered Bridge ) ที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมืองฮอยอันเลยก็ว่าได้ ก่อสร้างโดนชาวญี่ปุ่น โดยมีการตั้งชื่อสะพานเป็นภาษาเวียดนามว่า หลายเหวี่ยนเกี่ยว (Lai Vien Kieu) ซึ่งมีความหมายว่า สะพานแห่งมิตรไมตรี ตัวสะพานเป็นทรงโค้ง หลังคามุงกระเบื้องสีเขียวและเหลืองเป็นคลื่น ก่อสร้างเพื่อเชื่อมั้อยู่อาศัยของชาวจีนและญี่ปุ่น เข้าด้วยกันอีกด้วย

สมาคมฟุกเกี๋ยน

สมาคมฟุกเกี๋ยน ( Phouc Kien Assembly Hall ) เป็นสมาคมชาวจีนที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดของเมืองฮอยอัน ที่อพยพเข้ามาในช่วงปี พ.ศ.2388-2428และยังเป็นที่ตั้งของวัดที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับลัทธิของพระนางเทียนเห่าตัวสมาคมนั้นสร้างขึ้นเพื่อให้ชาวจีนมาพบปะ พูดคุยกัน ของคนหลายๆรุ่นที่อพยพกันมานั่นเอง

แม่น้ำทูโบน

แม่น้ำทูโบน ( Thu Bon River ) แม่น้ำสายนี้มีความสำคัญตั้งแต่สมัยครั้งเก่าก่อนที่ฮอยอันยังเป็นเมืองท่าสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สมัยก่อนยังเป็นแม่น้ำที่มีผู้คนคึกคักมาก เพราะชาวต่างชาติต่างล่องเรือมาที่แห่งนี้มาเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้ากัน ทำให้เมืองฮอยอันเป็นศูนย์กลางด้านการแลกเปลี่ยนเลยก็ว่าได้ จนเมื่อแม่น้ำเริ่มตื้นขึ้น ทำให้เรือเดินสินค้าไม่สามารถมาจอดเทียบท่าได้ จึงได้เปลี่ยนเป็นเมืองท่าแทน และนักท่องเที่ยวจะได้ชมบ้านเรือนสไตล์โคโลเนียลมรดกตกทอดริมฝั่งแม่น้ำ ซึ่งมีความสวยงามอย่างมาก อีกด้วย