เที่ยวใกล้บ้าน กับ 5 จุดเช็คอิน @ เวียงจันทน์

เวียงจันทน์ เป็นทั้งเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของลาว ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง นอกจากมีวัดวาอารามที่แสดงถึงความเฟื่องฟูของศาสนาพุทธในลาวแล้ว ยังผสมผสานสถาปัตยกรรมของอาคารบ้านเรือนในสไตล์ยุคอาณานิคมฝรั่งเศสได้อย่างลงตัว ตัวเมืองหลวงก็ดูไม่แออัดเหมือนกรุงเทพบ้านเรา เพราะมีถนนสายหลักที่กว้างขวาง แลดูร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ริมทาง ในเมื่อเวียงจันทน์น่าเที่ยวแบบนี้ เราจึงรวบรวม 6 ที่เที่ยวเวียงจันทน์ เพื่อให้คุณได้มาสัมผัสมนต์เสน่ห์เมืองหลวงลาวแห่งนี้ได้แบบครบทุกมุม

1. ประตูชัย หรือ ปะตูไซ ที่เที่ยวเวียงจันทน์

มาถึงเวียงจันทน์ทั้งที ถ้าจะไม่แวะไปที่ประตูชัย (หรือ ปะตูไซ ตามแบบภาษาลาว) นั้นก็คงเรียกว่ามาไม่ถึงเวียงจันทน์ เพราะประตูชัยเปรียบเสมือนอนุสาวรีย์ของชาวเมือง ซึ่งก็ตั้งอยู่ในรัศมีใจกลางเมืองเลยด้วย นอกจากความโดดเด่นเป็นสง่าในสไตล์สถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศส สร้างตามประตูชัยชื่อดังของฝรั่งเศสอย่าง L’Arc De Triomphe ประตูชัยเวียงจันทน์จริงๆแล้วยังสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองหลังจากชาวลาวต่อสู้มาเป็นเวลานานจนได้รับอิสรภาพจากฝรั่งเศสและสหรัฐ โดยได้ใช้ปูนซีเมนต์ที่กองทัพสหรัฐทิ้งไว้มากมายก่อนถอยทัพกลับประเทศ มาสร้างเป็นประตูโค้ง ผสมผสานศิลปะแบบลาว งดงามและลงตัวมาก บริเวณรอบๆยังมีลานน้ำพุและสวนสาธารณะให้มานั่งพักผ่อนหย่อนใจกันอีกด้วย

2. พระธาตุหลวง ที่เที่ยวเวียงจันทน์

พระธาตุใหญ่ที่มีความสวยงามที่สุดในลาวอยู่ที่เวียงจันทน์นี่เอง นั่นคือ พระธาตุหลวง หรือ พระเจดีย์โลกะจุฬามณี ซึ่งเปรียบเสมือนศูนย์รวมจิตใจของชาวลาวทั่วประเทศ วันนี้เราจึงไม่พลาดมายลโฉมความงามของพระธาตุหลวง ซึ่งมีสีเหลืองทองอร่าม ทั้งยังบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้อีกด้วย ในยามที่แสงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าก็มีการเปิดไฟประดับตกแต่ง ทำให้สว่างไสวไปทั่วบริเวณ และถึงแม้จะก่อสร้างมานับพันปีแล้วก็ยังคงสง่างามเหมือนพระธาตุพนมของไทยเราเลย ตามตำนานกล่าวว่าพระธาตุหลวงสร้างขึ้นเมื่อครั้งก่อสร้างนครเวียงจันทน์ โดยเจ้าเหนือหัวผู้ครองนครเวียงจันทน์พระองค์แรก ในฐานะนักท่องเที่ยว เราจึงไม่ควรพลาดมาเยี่ยมชมพระธาตุหลวงในช่วงวันเพ็ญเดือน 12 ของทุกปี เพราะจะมีการจัดงานนมัสการพระธาตุหลวงอย่างยิ่งใหญ่ ได้เก็บภาพสวยๆแถมยังได้บุญอีกด้วยนะ

3. วัดสีสะเกด

หนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเวียงจันทน์คือ วัดสีสะเกด เราจึงไม่รอช้ารีบมาสำรวจวัดที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพียงวัดเดียวในเวียงจันทน์ที่ไม่ถูกทำลายลงในช่วงสงครามเมื่อปี พ.ศ.2372 ทั้งยังเป็นวัดที่เคยประดิษฐานพระแก้วมรกตอีกด้วย และจุดเด่นของวัดสีสะเกด นอกจากมีอุโบสถที่สวยงามแลดูมีมนต์ขลังแล้ว บริเวณรอบๆวัดได้มีการสร้างทางเดินพร้อมระเบียงล้อมรอบสี่ด้าน มีการเจาะซุ้มเล็กๆเพื่อประดิษฐานพระพุทธรูปไว้ตลอดทั้งแนวกว่า 6,000 องค์ นับได้ว่าวัดแห่งนี้มีพระพุทธรูปมากที่สุดในเวียงจันทน์เลย ปัจจุบันนี้วัดสีสะเกดได้กลายเป็นหอพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมพระพุทธรูปและวัตถุโบราณล้ำค่ามากมาย เป็นวัดที่มีความสำคัญกับชาวลาวมากจริงๆ

4. สวนพระ

หากเรานั่งรถออกมาจากตัวเมืองเวียงจันทน์ประมาณ 24 กิโลเมตร ก็จะได้เจอกับพุทธสถานที่สวยงามและแปลกตาที่สุดในเวียงจันทน์ นั่นคือ สวนพระ ต้องขอบอกเลยว่าบรรดาฝรั่งนิยมมาที่นี่กันมาก เพราะเป็นความสวยงามที่หาชมได้ยาก ทั้งยังน่าสนใจในแง่ของการสอนหลักธรรมผ่านรูปปั้นต่างๆ ซึ่งก็ล้วนแต่เป็นพระพุทธรูปที่หล่อซีเมนต์ตามความเชื่อทางศาสนาพุทธและฮินดู ไม่ว่าจะเป็นพระศิวะ พระนารายณ์ มนุษย์ พระเจ้า สัตว์ ปีศาจ เป็นต้น จุดเด่นสำหรับที่นี่เห็นจะเป็นอาคารทรงฟักทองขนาดใหญ่ และองค์พระนอนขนาดใหญ่ ที่ยาวถึง 45 เมตร และสูง 19 เมตร สวนพระนั้นถูกสร้างขึ้นโดยปู่บุญเหลือ สุรีรัตน์ ซึ่งภายหลังได้ย้ายกลับมาฝั่งไทยและสร้างศาลาแก้วกู่ ที่จังหวัดนครพนม เป็นสวนประติมากรรมปูนปั้นขนาดใหญ่ในสไตล์คล้ายๆกันอีกด้วย

5. หอพระแก้ว

เดินข้ามมายังอีกฝั่งของวัดสีสะเกด เราก็จะได้เจอกับ หอพระแก้ว ซึ่งเป็นสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์และมีมนต์ขลังอย่างบอกไม่ถูก เพราะครั้งนึงที่นี่เคยเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต แต่ปัจจุบันเหลือเพียงแต่พระแท่นที่ประดิษฐานเท่านั้น เพราะพระแก้วมรกตองค์ปัจจุบันได้ถูกอัญเชิญมาประทับที่กรุงเทพฯนั่นเอง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความขลังของวัดนี้หายไป เพราะเพียงแค่ก้าวแรกที่เราเดินเข้าไปในเขตวัด เห็นพระวิหารเก่าแก่สีดำทะมึนท่ามกลางต้นไม้ที่ถูกตัดแต่งอย่างเป็นระเบียบและสวยงาม ก็พาลทำให้รู้สึกน่าเกรงขามเอามากๆ พอเดินเข้าไปข้างในก็จะได้เจอกับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติทยอยมาสักการะบูชาพระพุทธรูป แถมยังถ่ายรูปออกมาได้สวยแลดูมีมนต์ขลังสุดๆ ทั้งหอพระแก้วและวัดสีสะเกดต่างก็ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเวียงจันทน์ ใช้เวลาเดินไปมาระหว่างกันเพียงแค่ 3 นาทีเท่านั้น ใครที่มาเยือนถึงถิ่นก็ไม่ควรพลาดมาเยี่ยมชมทั้ง 2 ที่เลย