10 ที่เที่ยวสุดปังในมอลตา
10 ที่เที่ยวสุดปังในมอลตา
วันนี้เราขอเสนอสถานที่เที่ยวมอลตาที่เหล่าคนรักธรรมชาติและหลงไหล
วัฒนธรมที่มีความสวยงามต้องห้ามพลาดจะมีที่ไหนบ้างไปชมกันเลยยย
1.เมืองวัลเลตตา (Valletta)
เป็นเมืองหลวงของมอลตา ที่ตั้งอยู่ทางชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ เป็นเมืองเต็มไปด้วย
ป้อมปราการมากมาย นอกจากนี้ เมืองนี้ยังเมืองหลวงที่เล็กที่สุดในสหภาพยุโรปอีกด้วย
จุดเด่นของเมืองหลวงแห่งนี้คือสถาปัตยกรรมที่มีการใช้ศิลปะที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น
บาโรก แมนเนอริสต์ นีโอคลาสสิก ไปจนถึงแบบโมเดิร์น อยู่ในสถานที่สำคัญต่าง ๆทั่ว
ทั้งเมือง ไม่ว่าจะเป็นป้อมโบราณ โบสถ์ และพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆสมกับเป็นเมืองที่มี
ฉายาว่า “Superbissima”ซึ่งแปลว่า “ภูมิใจที่สุด” อีกที่เที่ยวที่ไหน ๆ ก็มาแล้ว
ไม่ควรพลาดคือ การนั่งเรือข้ามฟากเพื่อไปยังThree Cities ซึ่งเป็นเมืองที่มี
ป้อมปราการสามแห่งที่มีความสวยงามมาก ๆ ซึ่งได้แก่ Birgu, Senglea และ
Cospicua นั่นเอง
2.เกาะโกโซ (Gozo island)
เกาะโกโซ มีอีกชื่อหนึ่งคือ เกาะ Ghawdex เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ในหมู่เกาะ
ของมอลตาเกาะแห่งนี้ถูกค้นพบโดยเกษตรกรชาวชิลี เมื่อ 5000 ปี ก่อนคริสตกาลเกาะ
แห่งนี้ขึ้นชื่อในเรื่องเนินเขา และชายหาดที่มีความสวยงามมากมาย โดยจุดที่ได้รับความสนใจ
มากที่สุดคือ Azure Window ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำซีรี่ส์ชื่อดัง “Game of Thrones” นั่นเอง
นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติแล้ว เกาะแห่งนี้ยังมีวิหาร และโบราณสถานมากมาย
ยกตัวอย่างเช่น วัด Ggantijaซึ่งเป็นวัดที่มีโครงสร้างทางศาสนาเก่าแก่ที่สุดในโลก
และยังมีตำนานท้องถิ่นเล่าอีกด้วยว่า วัดแห่งนี้
ถูกสร้างขึ้นโดยยักษ์
3.เมืองมดินา (Mdina)
เมืองมดินา ตั้งอยู่ทางตอนเหนือ และเป็นเมืองหลวงเก่าของประเทศมอลตา
เป็นเมืองที่ล้อมรอบด้วยกำแพงและมีประชากรอาศัยอยู่เพียงไม่ถึง 300 คนเท่านั้น
โดยแรกเริ่มเมืองนี้ถูกก่อตั้งตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 8 โดยชาวฟินีเซียน และมีชื่อเมืองว่า
Maleth และเปลี่ยนชื่อเมืองเป็นMelite หลังจากถูกจักรวรรดิไบแซนไทน์ เข้ายึดครอง
แม้เมืองนี้จะมีขนาดที่เล็กลงมาก ๆเมื่อเทียบกับอดีแต่ก็ยังคงเป็นเมืองที่รักษาเสน่ห์ของ
สถาปัตยกรรมและศิลปะแบบยุคกลางไว้ได้ไม่เปลี่ยนแปลงปัจจุบันเมืองนี้มีนักท่องเที่ยว
มาเยี่ยมชมมากกว่า 750,000 คนต่อปี จุดเด่นที่น่าสนใจของเมืองนี้คือ พวกเขาไม่อนุญาต
ให้รถยนต์จากที่อื่นเข้ามาในเมือง แต่จะอนุญาตเฉพาะ รถพยาบาลและรถของคนที่
อาศัยอยู่ในเมืองนี้เท่านั้น จึงไม่แปลกใจเลย ที่เมืองนี้จะได้ฉายาว่าเป็น ‘Silent City’
4.อ่าวเมลลีฮา (Mellieha Bay)
เมลลีฮา เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่เหนือสุดของประเทศมอลตาอยู่เหนืออ่าวเมลลีฮามทิวทัศน์หุบเขาที่
สวยงามแปลกตา และยังเป็นหาดทรายที่ใหญ่ที่สุดในประเทศมอลตาอีกด้วยนอกจากอ่าวที่มี
ความสวยงามแล้ว บริเวณโดยรอบของหมู่บ้าน ยังมีสถานที่ท่องเที่ยว อื่นๆอีกมากมาย ไม่ว่าจะ
เป็นโบสถ์อันเก่าแก่ หรือพิพิธภัณฑ์ป้อมปราการที่มีวิวสวย ๆ อย่าง The Red Tower และถ้าหาก
คุณมาเที่ยวในเดือนกันยายน ต้องห้ามพลาดเทศกาลประจำหมู่บ้านป๊อปอาย (Popeye Village)
หากต้องการชื่นชมธรรมชาติคุณสามารถเดินไปที่เขตอนุรักษ์ธรรมชาติกาดีรา (Ghadira)
คุณจะพบกับอุทยานธรรมชาติและประวัติศาสตร์Il-Majjistral ซึ่งคุณสามารถชมที่
พักพิงที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้อีกด้วย
5.วิหารฮาการ์ คิน (Hagar Qin) และ มนัจดรา (Mnajdra)
เป็นศาสนสถานขนาดใหญ่ที่เก่าแก่มากที่สุดในโลก โดย Hagar Qim มีความหมายว่า
“หินบูชา” (worshipping stones) ตั้งอยู่ในวิหารหลัก ที่สร้างจากหินปูน Globigerina
อันเก่าแก่กว่า 3200 ปี ก่อนคริสตกาล นักประวัติศาสตร์เชื่อว่าสถานที่แห่งนี้ถูกใช้เป็นที่
บูชายัญสัตว์และทำพิธีกรรมสืบพันธ์ถัดไปไม่ไกลมากจะพบกับ มนัจดรา (Mnajdra)
ถูกสร้างขึ้นราว ๆ 4,000 ปีก่อนคริสตกาลชประกอบด้วยวิหาร 3 แห่ง โดยมี 1 วิหารที่มี
ชื่อเสียงที่สุดนั่นคือวิหารที่ใช้สำหรับดูดาว มนัจดราเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญกับ
ประเทศมอลตาเป็นอย่างมาก สังเกตได้จากการถูกนำไปใช้เป็นรูปสัญลักษณ์ใน
เหรียญ 1, 2 และ 5 เซนต์ ของมอลตา
6.Golden Bay
“โกลเด้น เบย์” ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะมอลตา เป็นชายฝั่งที่ขึ้นชื่อ
ในเรื่องของผืนทรายที่มีสีแดงปนสีทองระยิบระยับสวยงามเมื่อถูกแสงแดดตกกระทบ
ในช่วงหน้าร้อนหรือช่วงวันหยุดชายฝั่งแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมจากเหล่า
นักท่องเที่ยวรวมไปถึงคนในพื้นที่เป็นอย่างมาก เพราะการเดินทางมาที่นี่นั้นมีความ
สะดวกสบาย สามารถนั่งรถสาธารณะหรือขับรถส่วนตัวมาก็ได้ ถ้าหากว่าคุณกำลัง
มองหาสถานที่ในการอาบแดดและทำกิจกรรมหรือกีฬาทางน้ำ “โกลเด้น เบย์” ถือ
เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีที่สุด อีกทั้งที่นี่ยังมีร้านอาหารนร้านกาแฟ ร้านค้าขาย
ของใช้ต่าง ๆไว้คอยบริการหรือถ้าหากว่าคุณต้องการที่จะทำอาหารปาร์ตี้กันเอง
ก็สามารถซื้ออุปกรณ์มาทำบาร์บีคิวที่ริมชายฝั่งได้อีกด้วย
7.Marsaxlokk
Marsaxlokk เป็นหมู่บ้านชาวประมงพื้นเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งของมอลตา
มีรากฐานประวัติศาสตร์มาตั้งแต่ในช่วงศตวรรษที่ 9 และได้กลายมาเป็นท่าเรือยอด
นิยมสำหรับชาวโรมันและชาวอาหรับในปี 1565 นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางการค้าใน
ด้านตลาดปลา และมีชื่อเสียงในเรื่องด่านตรวจของทหารที่มีมาตั้งแต่สงครามโลกครั้ง
ที่สองอีกด้วย สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจอีกหนึ่งที่ก็คือ โบสถ์
Marsaxlokk ที่ถูกสร้างโดยนักบุญจอห์นเพื่ออุทิศให้กับพระแม่มารีแห่งปอมเปอี
และภายในหมู่บ้านแห่งนี้คุณจะได้พบกับเรือประมงหลากหลายสีสันที่ถือว่าเป็น
เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของหมู่บ้านเลยทีเดียว
8.St. Julian’s
เซนต์จูเลียน เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของวัลเลตตา เดิมทีเมืองแห่งนี้เคยเป็นหมู่บ้าน
ชาวประมงที่เงียบสงบ แต่ในปัจจุบันได้กลายมาเป็นสถานที่พักตากอากาศยอดนิยมที่มี
ความสะดวกสบายครบรูปแบบ ภายในเมืองมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอยู่หลายแห่ง
เช่นหอคอย Portomaso, โบสถ์สไตล์นีโอโกธิค, อาคารที่ถูกออกแบบสไตล์อาร์ตเดโค
และพระราชวังคุณสามารถเดินเล่นหรือล่องเรือชมทิวทัศน์ของเมืองที่งดงามได้อย่าง
เต็มที่ หรืออาจจะแวะไปเที่ยวในย่านความบันเทิงให้รู้สึกผ่อนคลายก็ถือเป็นตัวเลือกที่
น่าสนใจ และอีกหนึ่งสถานที่ยอดฮิตสำหรับคู่รักนั่นก็คือ อนุสาวรีย์เก่าแก่ในค่ายทหาร
ที่โด่งดังในเรื่องของการคล้องแม่กุญแจเพื่อเสริมดวงในเรื่องความรัก
9.Sliema
Sliema เป็นเมืองตากอากาศที่อยู่ติดกับชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นอีกเมืองหนึ่งที่มี
ประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่น่าสนใจ ภายในเมืองจะมีสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่มีชื่อเสียง เช่น
โบสถ์ Stella Maris และป้อมปราการที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในโลก ในอดีตเมืองแห่งนี้เป็นเพียงหมู่บ้าน
ชาวประมงเล็ก ๆ และเป็นที่พักตากอากาศช่วงฤดูร้อนของคนในท้องถิ่นแต่ในปัจจุบันนี้มีการพัฒนา
ขึ้นมากจนกลายมาเป็นศูนย์กลางทางด้านการค้าและแหล่งรวมสถานบันเทิงยอดนิยม ภายในเมือง
จะมีถนนเส้นหลักที่เชื่อมต่อกับเมืองอื่น ๆ ถึงสามเมืองสิ่งที่คุณจะพบเห็นได้ทั่วไปในเมืองแห่งนี้
คือกลุ่มผู้คนที่ออกมาตั้งเตาบาร์บีคิวปิกนิกอยู่นอกบ้าน
10.St. Paul’s Bay
อ่าวเซนต์พอลเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางภาคเหนือของมอลตา เป็นเมืองที่ใหญ่และ
มีประชากรหนาแน่นที่สุด ความแปลกที่น่าสนใจของชาวมอลตาก็คือพวกเขาได้ตั้งชื่อหมู่บ้านตาม
ชื่อของนักบุญที่นำศาสนาคริสต์มาเผยแพร่ให้กับพวกเขาในอดีตอ่าวเซนต์พอลยังเป็นท่าเรือสำคัญ
ของประเทศในปี 2341 และเป็นค่ายพักของเหล่าทหารในสงครามโลกครั้งที่สองอีกด้วย เนื่องจาก
มีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ภายในเมืองจึงเต็มไปด้วยซากสถาปัตยกรรมโบราณ
มากมายที่ยังหลงเหลือไว้ให้ได้ชมสถานที่แห่งนี้อาจไม่ใช่ตัวเลือกยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว
สักเท่าไหร่ แต่สำหรับคนที่หลงใหลในความสวยงามของชายหาดและอยากเรียนรู้วิถีการใช้ชีวิต
แบบดั้งเดิมของผู้คนที่นี่ ถือว่าอ่าวเซนต์พอลเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
ที่มา : https://www.touropia.com/best-places-to-visit-in-maltaLine : @tourddtooktook
เป็นยังไงกันบ้างคะกับ 10 ที่เที่ยวสุดปังในมอลตา ดูแล้วอยากไปกันใช่ไหมล๊า?
Line : @tourddtooktook
โทร: 02-010-8840
สายด่วน: 091-739-6939 พี่หวิน // สายด่วน: 090-894-3331
เว็บไซต์: https://www.we-rworldtour.com/
Facebook: https://www.facebook.com/werworldtour/
❤️🧡💛💚💙💜❤️🧡💛💚💙💜❤️🧡💛💚💙💜❤️🧡💛💚💙💜❤️🧡💛💚💙💜❤️🧡💛💚💙💜
ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆ จาก : shutterstock