7 สถานที่น่าเที่ยวใน โปรตุเกส (Portugal)
7 สถานที่น่าเที่ยวใน โปรตุเกส (Portugal)
วันนี้น้องวีอาร์จะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในประเทศโปรตุเกส (Portugal) หรือมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐโปรตุเกส เป็นประเทศที่อยู่ทางตะวันตกของทวีปยุโรป ประเทศโปรตุเกสนั้นมีเสน่ห์ที่ประเทศอื่นๆ ไม่มี โดยเฉพาะทางด้านวัฒนธรรม ภูมิประเทศ และความสวยงามของธรรมชาติ ถ้าเทียบกับประเทศอื่นในยุโรปแล้ว ประเทศโปรตุเกสนั้นไม่ถือว่าเป็นประเทศที่ใหญ่หากแต่ว่ามีเมืองและสถานที่ท่องเที่ยวมากมายให้คุณได้สำรวจ
1.พระราชวังแห่งชาติเปนา (Pena National Palace)
พระราชวังที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดติดอันดับต้นๆของโลก ตั้งอยู่บนยอดเขาในเมืองซินตราซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองลิสบอนมากนัก สร้างขึ้นด้วยศิลปะแบบจินตนิยม หรือศิลปะแบบโรแมนติก (Romanticism) ความยิ่งใหญ่และงดงามอลังการของพระราชวังแห่งนี้ ทำให้ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้และได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโปรตุเกส จุดเด่นของระราชวังเปนาก็คือสีสันที่สดใส โดดเด่น ท่ามกลางต้นไม้สีเขียวขจี อีกทั้งยังสามารถมองเห็นจากเมืองลิสบอนได้ด้วย เป็นสถานที่ ที่นักท่องเที่ยวที่ไปเยือนโปรตุเกสต้องแวะไปชมให้ได้
2.วิหารเจอโรนิโม (Jeronimos Monastery)
ตั้งอยู่ในเขตเบแล็ง เมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส สร้างขึ้นเพื่อยกย่อง เชิดชู วาสโก ดากามา นักเดินเรือที่สามารถเดินทางด้วยเรือไปถึงประเทศอินเดียได้ ในปี ค.ศ.1498 มหาวิหารแห่งนี้โดดเด่นด้วยเรื่องของสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นแบบ มานูเอลไลน์ (Manueline) โดยใช้เวลาในการก่อสร้างทั้งสิ้นราว 70 ปีจึงเสร็จสมบูรณ์ อารามเจโรนิโมส์แห่งนี้ตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมแบบมานูเอลไลน์ที่สวยงาม เมื่อก้าวเข้ามาในอารามจะเห็นน้ำพุ และระเบียงทางเดินไปยังโบสถ์ซานตามาเรียที่ตกแต่งด้วยเสาแกะสลักลวดลายสัตว์ทะเล ปะการังต่างๆ บนผนังยังมีการบรรยายเรื่องราวในพระคัมภีร์ไบเบิลอย่างวิจิตรตระการตา ไปจนถึงเพดานโค้งที่มีความสวยงามเป็นอย่างมาก
3.หอคอยเบเล็ม (Belem Tower)
ตั้งอยู่ที่กรุงลิสบอน เมืองหลวงของประเทศโปรตุเกส หอคอยบึไลแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโกใน ค.ศ.1983 สร้างขึ้นในระหว่างปี ค.ศ. 1515-1521 โดย Francisco de Arruda สถาปนิกคนสำคัญที่เป็นทหารโปรตุเกส การออกแบบการก่อสร้างได้รับอิทธิพลมาจากแขกมัวร์ ที่อยู่ในเขตแอฟริกาเหนือ สิ่งก่อสร้างส่วนอื่นๆของหอคอยจะมีส่วนผสมของศิลปะเรอเนสซองซ์ซึ่ง เป็นส่วนหนึ่งของระบบป้องกันเมืองริมฝั่งแม่น้ำเทกัส ตัวหอคอยเบเล็ม ประกอบไปด้วยหินอ่อนและตัวป้อมปราการมีความสูงกว่า 30 เมตร เรียกได้ว่าเป็นแลนด์มาร์คสวยๆ สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากเก็บรูปไว้เป็นที่ระลึก
4.แหลมโรก้า (Cabo Da Roca)
จุดตะวันตกสุดของโปรตุเกสและของทวีปยุโรป ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติซินทรา ตัวแหลมจะยื่นออกไปทางตะวันตกสู่มหาสมุทรแอตแลนติก ตรงแหลมโรก้ามีอนุสาวรีย์ตั้งอยู่โดดเด่นบนหน้าผาหินเป็นอนุสาวรีย์ประกาศให้ Capo da Roca เป็นจุดตะวันตกสุดของทวีปยุโรป ซึ่งบริเวณนี้จะเป็นชะง่อนผาสูงประมาณ 100 เมตรเกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเลซึ่งทำให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่สูงกว่า 30 เมตร ส่วนบริเวณนี้มีต้น Carpobrotus edulis ปกคลุมอยู่ทั่ว ซึ่งสามารถทนต่อน้ำทะเลและลมแรงได้
5.อนุสาวรีย์ดิสคัฟเวอรี่ (Discovery Monument)
อนุสาวรีย์ดิสคัฟเวอรี่ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1960 เพื่อฉลองการครบ 500 ปี แห่งการสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายเฮนรี่ นาวิกราช ผู้เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักในการนำพาประเทศโปรตุเกสเป็นเจ้าแห่งมหาอำนาจทางเรือ นอกจากเป็นอนุสรณ์สถานที่แสดงถึงความรุ่งเรืองของโปรตุเกส และเชิดชูเกียรตินักเดินเรือรุ่นแรกๆของประเทศโปรตุเกสแล้ว อนุสาวรีย์แห่งการค้นพบนี้ยังชวนระลึกถึงความกล้าหาญ ความเสียสละ ความสามัคคีของทั้ง 33 ชีวิตที่ปรากฎอยู่บนอนุสรณ์สถานแห่งนี้ด้วย แต่ละคนเป็นผู้ที่มีความชำนาญในด้านต่างๆ
6.เมืองปอร์โต้ (Porto)
เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองในโปรตุเกส และเป็นหนึ่งในเมืองศูนย์กลางเก่าแก่ของยุโรป ตั้งอยู่ในภาคเหนือของโปรตุเกส ปอร์โต้เป็นเมืองที่มีการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างสีสันของเมืองใหม่ที่มีชีวิตชีวาและเสน่ห์ของเมืองเก่า เมืองปอร์โต้นั้นถูกสร้างขึ้นขนาบแม่น้ำโดรู (Douro) ซึ่งอบอวลไปด้วยเสียงดนตรี คาเฟ่ ร้านอาหาร และร้านขายของตามท้องถนน และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO เมื่อปี 1996 ปอร์โต้เป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์และสถาปัตยกรรมต่างๆจากคาบสมุทรไอบีเรีย (Iberian Peninsula) เป็นเมืองท่าที่มีชื่อในเป็นโซนที่สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบในการดื่ม เพราะเป็นแหล่งผลิตไวน์ปอร์โต้ของทุกยี่ห้อ ทั้งนี้ยังมีสะพานเหล็กที่สูงและสะดุดตาซึ่งคนที่สร้างสะพานแห่งนี้มีชื่อว่า Gustave Eiffel เป็นคนเดียวที่สร้างหอไอเฟลในปารีส ปอร์โต้ นับว่าเป็นเมืองที่มีความสวยงามอย่างมาก เพราะมีความเป็นกลิ่นอายของบรรยากาศเมืองเก่าๆ ตั้งเเต่ยุคโรมันที่เเสนจะงดงามผสานลงตัวกับความงดงามของสถาปัตยกรรมเเบบใหม่ที่ลงตัวเป็นอย่างมาก
7.25 April Bridge (Ponte 25 de Abril)
สะพานแขวนที่ยาวที่สุดในยุโรป ซึ่งสะพานนี้มีชื่อว่า 25 April Bridge (Ponte 25 de Abril) สะพานข้ามฝั่งที่ข้ามแม่น้ำทาร์กัส มีความความยาวขอสะพานประมาณ 2.28 กิโลเมตร ซึ่งชื่อของสะพานแห่งนี้คือเมื่อวันที่ 25 APRIL ปี 1974 ได้เกิดการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองมาสู่ระบอบประชาธิปไตย 25 April Bridge (Ponte 25 de Abril) สะพานแห่งนี้มีลักษณะคล้ายกับสะพานโกลเดนเกตในซานฟรานซิลโกในอเมริกาอีกด้วย
ช่วงฤดูกาลต่างๆ ของประเทศ โปรตุเกส (Portugal)
ฤดูหนาว: เดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์
ฤดูหนาวของโปรตุเกสจะไม่หนาวเท่าไรเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในยุโรป อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดจะอยู่ที่ 9 องศาและสูงสุดที่ประมาณ 15 องศา ในช่วงฤดูหนาวนี้อาจจะมีฝนตกชุกประมาณ 15 วันต่อเดือน
ฤดูใบไม้ผลิ: เดือนมีนาคม – พฤษภาคม
ในช่วงนี้จะมีฝนตกชุกน้อยลงนิดหน่อย เฉลี่ยประมาณ 10-13 วันต่อเดือน ร่มควรมีติดตัวเอาไว้เสมอในกรณีฉุกเฉิน อุณหภูมิโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10-21 องศา
ฤดูร้อน: เดือนมิถุนายน – กันยายน
ช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงที่ดีที่สุดสำหรับการท่องเที่ยวในโปรตุเกส ความเป็นไปได้ที่ฝนจะตกมีน้อยลง เฉลี่ยอยู่ที่เพียง 2-6 วันต่อเดือนเท่านั้น อุณหภูมิโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 16-27 องศา
ฤดูใบไม้ร่วง: เดือนตุลาคม – พฤศจิกายน
การมาเที่ยวโปรตุเกสในช่วงเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายนนั้นถือว่าเป็นสถานที่หลบร้อนได้ดีมากๆ อุณหภูมิโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 12-22 องศา แต่จะมีการแปรปรวนของอากาศที่เกิดขึ้นบ้างทำให้หนึ่งวันอาจจะมีหลายฤดูกาล ช่วงนี้จะมีฝนตกชุกมากขึ้นประมาณ 11-14 วันต่อเดือน
หากท่านใดสนใจอยากไปเที่ยวโปรตุเกส สามารถติดต่อน้องวีอาร์ตามลิงค์ด้านล่างได้เลยนะคะ
ไปกับเราไม่มีผิดหวังแน่นอน
Line : @tourddtooktook
โทร: 02-010-8840 สายด่วน: 091-739-6939 / 093-950-0020
เว็บไซต์: https://www.we-rworldtour.com/
Facebook: https://www.facebook.com/werworldtour
ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆ จาก : shutterstock