แลนด์มาร์กใน ลอนดอน ที่ไปแล้วต้องเชคอิน
แลนด์มาร์กใน ลอนดอน ที่ไปแล้วต้องเชคอิน
ลอนดอน เป็นเมืองหลวงชื่อดังตั้งอยู่ทางตอนใต้ของอังกฤษ มีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ที่มากกว่า 2,000 ปี หากเอ่ยชื่อ ลอนดอน หลายคนคงคิดว่าต้องเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพสูง เป็นเมืองผู้ดี หรูหรา แต่ก็เชื่อว่ายังเป็นเมืองในฝันของใครหลายๆคนที่อยากจะไปเยี่ยมเยือน เพราะเป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางทางการค้าด้านการเมือง วัฒนธรรม การคมนาคมที่สะดวกสบายและยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกมากมายที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ปัจจุบันลอนดอนได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงทางการเงินของโลกเหมือนกับนิวยอร์ก
หอนาฬิกาบิ๊กเบน (Big Ben)
หอนาฬิกาบิ๊กเบนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของอังกฤษ แต่อันที่จริงแล้วหอนาฬิกานี้มีชื่อว่า หอเอลิซาเบธ (Elizabeth Tower) เพื่อเป็นเกียริตแก่พระราชินีมาตั้งแต่ปี 2012 ซึ่งเรามักจะเห็นมันปรากฎอยู่ในภาพยนตร์ชื่อดังหลายๆเรื่อง จนเป็นเหมือนกับสัญลักษณ์ประจำชาติของอังกฤษ ในอดีตหอนาฬิกาบิ๊กเบนเป็นหอนาฬิกาประจำพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ซึ่งเดิมทีนั้นพระราชวังเวสต์มินสเตอร์เคยเป็นพระราชวังหลวงมาก่อนโดยใช้เป็นที่พำนักกษัตริย์อังกฤษในอดีต จนมาถึงในยุคของพระเจ้าเฮนรี่ที่8 พระองค์ไม่ประสงค์จะพำนักในที่แห่งนี้ พระราชวังเวสต์มินเตอร์จึงกลายมาเป็นอาคารรัฐสภาตั้งแต่ปี 1547 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีชาลส์ แบร์รี เป็นผู้ออกแบบ จริงๆแล้ว บิ๊กเบน ไม่ใช่ชื่อหอนาฬิกา แต่เป็นชื่อของ ระฆังหนัก 13 ตัน ซึ่งแขวนอยู่ตรงช่องลมเหนือหน้าปัดนาฬิกา และคำว่า บิ๊กเบน นั้นนำมาจากชื่อของ เซอร์ Benjamin Hall ชายคนแรกที่สั่งซื้อระฆัง Big Ben มีความสูง 96.3 เมตร เป็นหอนาฬิกาที่สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก
ลอนดอนอาย (London Eye)
ลอนดอน อาย ตั้งอยู่ ณ ที่ฝั่งสุดด้านตะวันตกของสวนจูบิลี่ บนริมฝั่งทางใต้ของแม่น้ำเทมส์ ในกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร โดยตั้งอยู่ระหว่างสะพานเวสต์มินสเตอร์กับสะพานฮันเกอร์ฟอร์ด ลอนดอนอาย หรือที่รู้จักในชื่อ มิลเลเนียมวีล (Millennium Wheel) ในอตีต แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อเป็น Coca Cola London Eye ตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2015 เป็นต้นมา หลังจากได้บรรลุข้อตกลงกับบริษัทเครื่องดื่มน้ำดำยักษ์ใหญ่ ลอนดอนอายเป็นชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุดในทวีปยุโรป มีความสูงถึง 135 เมตรซึ่งในอดีตเคยเป็นชิงช้าสวรรค์ก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลก ก่อนจะถูกชิงตำแหน่งไป จากชิงช้าสวรรค์ เดอะ สตาร์ ออฟ นานชาง ในประเทศจีน (160 เมตร) ต่อมาภายหลังตำแหน่งตกเป็นของ สิงคโปร์ ฟลายเออร์ ในประเทศสิงคโปร์ (165 เมตร) และได้รับตำแหน่งจากการให้บริการว่า “ชิงช้าสวรรค์ที่ก่อสร้างด้วยโครงเหล็กค้ำข้างเดียวที่สูงที่สุดในโลก” (เพราะโครงสร้างทั้งหมดใช้โครงค้ำเหล็กรูปตัว A ในการให้บริการโดยใช้โครงค้ำเพียงแค่ด้านเดียวไม่เหมือนชิงช้าสวรรค์อื่นๆที่มีโครงค้ำสองข้าง) ทำให้ลอนดอนอายยังคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมากโดยมีจำนวนนักเที่ยวมากกว่า3ล้านคนต่อไป เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยมีผู้มาเยือนมากกว่า 3 ล้านคนต่อปีและมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นทุกปี โดยจะเปิดบริการเวลา 10:00-20:30 น.
พระราชวังบักกิงแฮม (Buckingham Palace)
พระราชวังบักกิงแฮมเป็นพระราชวังที่มีความเก่าแก่มากกว่า 300 ปี เดิมก่อสร้างขึ้นเป็นคฤหาสน์บักกิงแฮมของยุคแห่งบักกิงแฮมในปี ค.ศ. 1705 และต่อมาได้มีการต่อเติมออกไปในอดีตใช้เป็นที่ประทับส่วนพระองค์และเป็นที่ทรงงานของสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 รวมถึงใช้เป็นที่จัดงานสมาคมและงานเลี้ยงต้อนรับบุคคลสำคัญจากต่างประเทศ โดยภายในรั้วพระราชวังและสวนด้านหลังจะเป็นที่ประทับส่วนพระองค์ ซึ่งจะไม่อนุญาติให้นักท่องเที่ยวเข้าไป แต่ยกเว้นในช่วงฤดูร้อนประมาณเดือนสิงหาคมและกันยายน ที่พระองค์ทรงเสด็จแปรพระราชฐานในสก็อตแลนด์ จึงจะเปิดห้องขนาดใหญ่ที่วิจิตรงดงามตระการตา 19 ห้องให้ได้เข้าชม โดยภายในห้องจะมีผลงานศิลปะจำนวนมากของพระราชวงศ์ ให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมได้แต่จะต้องเสียค่าธรรมเนียม จะสังเกตุได้ว่าหากมีธงประจำพระองค์อยู่เหนือพระราชวัง แสดงว่าสมเด็จพระราชินีนาถทรงประทับอยู่ หากใครต้องการเข้ามาเยี่ยมชมควรเข้าไปดูในเว็บไซต์ของพระราชวังก่อน เพราะมีการเปลี่ยนแปลงวันและเวลาทุกปี
อีกส่วนหนึ่งที่เป็นไฮไลท์ของที่นี้คือการมาดูทหารผลัดเปลี่ยนเวรยามจะมีขบวนทหารพาเหรด และทหารม้า โดยพิธีจะเริ่มประมาณ11 โมง ใช้เวลา30 นาที
พระราชวังวินด์เซอร์ (Windsor Castle)
พระราชวังวินด์เซอร์เป็นที่พำนักของกษัตริย์และพระราชินีแห่งอังกฤษมานานกว่า 1,000 ปี สร้างโดยสมเด็จพระเจ้าวิลเลียมที่ 1 แห่งอังกฤษเมื่อปี ค.ศ. 1070 ออกแบบสไตล์จอร์เจียและวิคตอเรีย โดยยึดตามโครงสร้างที่มีลักษณะแบบโกธิก ซึ่งพระมหากษัตริย์และราชินีแห่งอังกฤษเกือบทุกพระองค์มีส่วนช่วยกันสร้างและบูรณะพระราชวังมาโดยตลอด
ปัจจุบันพระราชวังยังคงถูกใช้เป็นที่พำนักของสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 ซึ่งพระองค์จะมาพักในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์เสมอ ตัวพระราชวังมีพื้นที่ครอบคลุมทั้งหมด 484,000 ตารางฟุต หรือ 45,000 ตารางเมตรรวมป้อมปราการพระราชวังกับเมืองเล็กๆ ซึ่งมีขนาดใหญ่มากมาก หากใครสนใจมาเยี่ยมชมควรมีเวลาอย่างน้อย2-3ชั่วโมง
เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ (Westminster Abbey)
เดิมคือคอนแวนต์ในนิการโรมันคาทอลิค แต่ปัจจุบันเป็นโบสถ์ในนิกายแองกลิคันที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ในนครเวสต์มินสเตอร์ กรุงลอนดอน มีสถาปัตยกรรมแบบกอธิค จนกระทั่งระหว่างปี ค.ศ. 1546 ถึง 1556 แอบบีย์ได้รับเลื่อนฐานะขึ้นเป็นอาสนวิหาร ต่อมาในรัชสมัยของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 แอบบีย์นี้ก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอารามหลวง (Royal Peculiar) นอกจากนี้ วิหารแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ฝังพระศพของกษัตริย์แห่งอังกฤษหลายพระองค์ รวมทั้งเป็นที่ตั้งอนุสรณ์สถานเพื่อระลึกถึงบุคคลสำคัญต่างๆ ในประวัติศาสตร์ และวิหารยังถูกใช้เป็นสถานที่จัดพระราชพิธีอภิเษกสมรสครั้งประวัติศาสตร์ของเหล่าราชวงศ์มากมายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทั้งพระราชพิธีอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าหญิงเอลิซาเบธและ เจ้าฟ้าชายฟิลิป และล่าสุดคือระหว่างเจ้าชายวิลเลียมและองค์หญิงเคท ส่วนบริเวณชั้นล่างของวิหารนั้นเป็นพิพิธภัณฑ์สมบัติแอบบีย์
จัตุรัสทราฟัลการ์ (Trafalgar Square)
จัตุรัสทราฟัลการ์ เป็นจัตุรัสที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ใจกลางเมืองลอนดอน ตั้งอยู่บริเวณหน้า The National Gallery สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1830 ลักษณะเด่นของจัตุรัสทราฟัลการ์คือ มีเสาหินที่เป็นอนุสาวรีย์ เนลสันตั้งอยู่บริเวณจุดศูนย์กลาง มีสิงโตโลหะ 4 ตัวล้อมรอบ รูปสลักของสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 4 น้ำพุ ซึ่งใกล้ๆนี้มีอาคารสำคัญหลายแห่ง เช่น พิพิธภัณฑ์ศิลปะ และ โบสถ์ St.Martin in the Fields เป็นต้น จัตุรัสทราฟัลการ์ ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานของสงครามทราฟัลการ์ระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศส เมื่อปี ค.ศ. 1805 เป็นจุดนัดพบกลางเมืองลอนดอน นอกจากนั้นจากตรงกลางของจัตุรัส ยังสามารถมองเห็นหอนาฬิกาบิ๊กเบนที่สวยเด่นเป็นสง่าได้อย่างชัดเจน
ทาวเวอร์บริดจ์ (Tower Bridge)
ทาวเวอร์บริดจ์ก่อสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1894 เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรที่หนาแน่น ต้องอาศัยคนงานเกือบ 400 คนและใช้เวลาก่อสร้างถึงแปดปี ตามกฎหมายของเมือง ทั้งนี้ชื่อของทาวเวอร์บริดจ์ ได้มาจากการที่สะพานถูกสร้างขึ้นใกล้กับหอคอยแห่งลอนดอนนั่นเอหอคอยทั้งสองนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมสอดคล้องกับหอคอยลอนดอนที่อยู่ใกล้ๆ และในปัจจุบันคนทั้งโลกต่างรู้จักหอคอยทั้งสองนี้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของลอนดอน นอกจากนั้นทาวเวอร์บริดจ์ยังเป็นอีกหนึ่งสถานที่โปรดของผู้ที่รักและชื่นชอบเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ เนื่องจากข้างบนมีการจัดงานนิทรรศการ Tower Bridge เพื่อนำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับการสร้างสะพาน รวมทั้งเหตุการณ์สำคัญๆ อีกหลายอย่างที่เกิดขึ้นบนสะพานแห่งนี้
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ (Natural History Museum)
เป็นพิพิธภัณฑ์รวบรวมข้อมูลความรู้เกี่ยวกับต้นกำเนิดของมนุษย์ธรรมชาติและ สัตว์ป่าโดยตัวพิพิธภัณฑ์นั้นจะแบ่งออกเป็นโซนตามสีต่างๆ เป็นห้องๆอย่างชัดเจน ตั้งแต่ ห้องสัตว์ทะเล ห้องแมลง ห้องสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ห้องวิวัฒนาการของมนุษย์ ห้องไดโนเสาร์ ห้องชาร์ล ดาร์วิน (บิดาแห่งชีววิทยา) ห้องจุดกำเนิดของโลกและภัยธรรมชาติ โดยจุดหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ คือคอลเล็กชันโครงกระดูกไดโนเสาร์ในโซนสีน้ำเงิน ชมฟอสซิลไทรันโนซอรัสชิ้นแรกที่ค้นพบและกะโหลกของไทรเซอราทอปส์
สนใจทัวร์ ประเทศอังกฤษ ติดต่อเราได้ที่นี่…
Line : @tourddtooktook
โทร: 02-010-8840
สายด่วน: 091-739-6939 พี่หวิน // สายด่วน: 090-894-3331
เว็บไซต์: https://www.we-rworldtour.com/
Facebook: https://www.facebook.com/werworldtour/
ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆ จาก : shutterstock