ไปเที่ยว โรมาเนีย เมืองแห่งสถาปัตยกรรม

เที่ยว โรมาเนีย โรมาเนียเป็นอีกหนึ่งประเทศที่อยู่ในทวีปยุโรป ซึ่งบางคนอาจจะไม่คุ้นชื่อนัก ที่นี่เป็นแหล่งรวมศิลปะ วัฒนธรรมอันเก่าแก่ของประเทศ ซึ่งวัฒนธรรมส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลมาจากฝรั่งเศส มีแหล่งท่องเที่ยวหลายที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

1.ปราสาทเปเลส (Peles Castle)

ปราสาทเปเลส ได้ชื่อว่าเป็นปราสาทที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในโรมาเนีย ตั้งอยู่ในหุบเขาบุเซกิ บนเทือกเขาคาร์เปเทียน เมืองซินาย่า ทางตอนเหนือของเมือบูคาเรสต์ สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1873 โดยกษัติย์คาโรลที่1 แห่งโรมาเนีย ใช้เวลาส้รางถึง 10 ปี ภายในมีการตกแต่งอย่างหรูหรา อลังการ ด้วยไม้แกะสลัก โคมไฟระย้าจากฝรั่งเศส มีห้องรับรองแขก จากตุรกีและยังมีห้องอื่นๆมากมายกว่า 168 ห้อง แต่ก็มีเพียง 35 ห้องเท่านั้น ที่เปิดให้รับชม

2. ปราสาทบราน (Bran Castle)

หรือปราสาท ปราสาทแดร๊กคูล่า” (Dracula’s Castle) ปราสาทนี้ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 ค.ศ 1212 เป็นปราสาทหินสีขาวสูงกว่า 200 ฟุต เป็นปราสาทที่ได้รับการยกย่องว่าสวยงามที่สุดใน โรมาเนีย ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนยอดเขา สร้างขึ้นเพื่อเป็นป้อมควบคุมเส้นทางการค้าและเก็บภาษีระหว่างแคว้นวาลันเซีย และแคว้นทรานซิลวาเนีย ภายในตัวปราสาทมีห้องต่างๆมากมาย ซึ่งจัดแสดงวิถีความเป็นอยู่ ห้องแสดงอาวุธโบราณ ตู้โบราณอายุหลายร้อยปีที่แกะสลักลวดลายสวยงดงาม นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงสิ่งของเครื่องใช้อีกมากมาย ปราสาทนี้โด่งดังในชื่อปราสาทแดร็กคูล่าเนื่องจากว่า นวนิยายเรื่อง Dracular ได้ใช้ปราสาทแห่งนี้เป็นฉากหลังในนวนิยาย ต่อมาก็มีการนำนวนิยายไปสร้างเป็นภาพยนตร์ โด่งดังไปทั่วทำให้ผู้คนรู้จักปราสาทแห่งนี้มากยิ่งขึ้น

3.โบสถ์ดำ (BLACK Church)

โบสถ์ดำเป็นโบสถ์ที่มีชื่อเสียงสถาปัตยกรรมธิค ที่ใหญ่ที่สุดของโรมาเนีย แต่ได้สร้างขึ้นให้เป็นโบสถ์โรมันคาธอลิคเพื่ออุทิศให้พระแม่มารี เพื่อทดแทนโบสถ์หลังเก่าที่มีการปฏิรูปสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1383-1385หลังจากที่ถูกพวกมองโกลบุกเข้ามาทำลายเมื่อปี ค.ศ.1242 และปี ค.ศ. 1477 ก็ได้มีการก่อสร้างเพิ่มเติมขึ้นอีกหลังจากที่พวกเตอร์กิสบุกเข้าทำลายในปี ค.ศ.1421 สาเหตุที่โบสถ์แห่งนี้ ถูกเรียกว่า โบสถ์ดำ เนื่องจากถูกไฟไหม้เมื่อปี ค.ศ.1689 แล้วเกิดคราบเขม่าดำ ติดผนังโบสถ์ไปทั่วจึงดูเป็นสีดำทั้งหลัง ทางรัฐบาลโรมาเนียก็ได้ปล่อยไม่ได้ทำความสะอาด เนื่องจากมันดูเป็นเอกลักษณ์และเป็นจุดเด่น แต่เมื่อเวลาผ่านไปนาน คราบที่ติดอยู่ก็ค่อยๆหลุดออก สีของโบสถ์ปัจจุบันก็ไม่ค่อยดำเหมือนในอดีต